หากพูดถึงการลงทุนเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆ ทำอย่างไรให้เงินมันงอกเงยขึ้นมานั้น หลายคนก็ใจปิดตั้งแต่คำว่า’ลงทุน’เสียแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ฟังดูแล้วรู้สึกแย่ใช่ไหมล่ะครับ นั่นก็เป็นเพราะว่าคนเรายังไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็เกิดความกลัว ความคิดต่างๆนั้นก็เริ่มผุดขึ้นมา ลงทุนคือคำที่ยิ่งใหญ่น่าปวดหัว แถมลงทุนไปไม่รู้จะได้ผลลัพธ์อะไรกลับมา ถ้าผลลัพธ์ที่ได้คือคำว่าขาดทุนล่ะ อย่างนั้นการลงทุนนี้ก็กลายเป็นเรื่องที่น่าขยาดไปในชั่วพริบตาเลยทีเดียว
อย่าเพิ่งคิดไปในแง่ร้ายขนาดนั้นเลยครับท่าน ผมเชื่อว่าทุกอย่างนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวมันเองอยู่เสมอ การลงทุน ก็เหมือนกัน ใช่ครับในแง่ที่ว่ามันอาจจะเสี่ยงต่อการขาดทุน แต่มันก็เสี่ยงที่จะได้ทั้งทุนและได้กำไรกลับคืนมาเช่นกันด้วยนะครับ
ยกตัวอย่างเช่น คนรวยหรือมหาเศรษฐีหลายคนเขาไม่ใช่ไม่กลัว พวกเขากลัวแต่เขากลับเพิกเฉยกับความกลัวแล้ววางเป้าหมายแทน พวกเขา อยากลงทุน มองความสำเร็จในอนาคตเป็นที่ตั้ง แล้วลงมือทำจนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ เห็นไหมล่ะครับว่า ถ้าวันนั้นพวกเขามัวแต่ขลาดกลัวและถอดใจ ตอนนี้พวกเขาก็คงเป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งที่ทำงานหาเงิน ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆแค่นั้นเองครับ ฉะนั้นแล้วถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในเรื่องของการลงทุนอันดับแรกเลยก็คือ ต้องอย่ากลัว และตั้งเป้าหมายให้ตัวเองครับ
เมื่อได้เป้าหมายแล้ว เราจะมาหาวิธีการเพื่อที่จะให้ได้ซึ่งเงินทุนกัน ผมขอตัดวิธีการกู้เงินออกไปนะครับเพราะการเดินด้วยทางลัดอาจจะไม่ได้สวยงามและถึงที่หมายเสมอไป เราต้องหาเงินทุนให้ได้ก่อน หากคุณคิดได้แล้วว่า เราจะทำอะไรต่อไปนั้น ก็ให้เริ่มทำงานและเก็บออมได้เลยครับ(แต่ถ้ายังคิดไม่ได้ให้กลับไปถามใจตัวเองให้ดีเสียก่อน) แล้วก็มีคำถามหนึ่งที่ว่า มีเป้าหมายคืออยากมีความมั่งคั่งทางการเงิน แล้วผมต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการลงทุน เพื่อให้ได้มาซึ่งที่สิ่งหวังไว้
ที่จริงมันก็ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัวนะครับว่าต้องใช้จำนวนเงินเท่าไหร่ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งนั้น ว่าเรามีความพร้อมมากน้อยเพียงใด ความพร้อมในที่นี้(ที่สำคัญกว่าจำนวนเงิน) นั่นคือพลังสมองครับ เรามีความสามารถอะไรบ้าง มีทักษะอะไรบ้าง ก็เหมือนกับการที่ต้องออกรบ ร่างกายพร้อมแต่อาวุธไม่พร้อมก็รั้งแต่จะแพ้กลับมา ดังนั้นนอกจากการเตรียมเงินลงทุนแล้ว ก็ต้องเตรียมกายใจของตนเองให้ดีด้วย หมั่นฝึกคิด ฝึกวิเคราะห์อยู่บ่อยๆ ใช้เหตุผลมองให้ออกแยกแยะให้ได้ จะช่วยได้มากในการแก้ปัญหาครับ ประสบการณ์ในการทำงานนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ยิ่งถ้าเราผ่านสนามสะสมเที่ยวบินมาเยอะๆ ก็ย่อมที่จะมองภาพเห็นลู่ทางไปสู่ความสำเร็จในการลงทุนได้มากขึ้นนั่นเอง
การเก็บออมยังใช้ได้ทุกสถานการณ์เสมอ การออมที่ดีอย่างที่เราๆต่างก็เข้าใจกันนั่นก็คือ ต้องมีวินัยในการออมมากๆที่สำคัญ ต้องทำบัญชีควบคู่กันไปด้วย เพื่อที่จะทำให้เราเห็นภาพรวมการเงินของเรา ว่าเป็นแบบไหน ค่าใช้จ่ายต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง มีรายรับที่เพียงพอกับการใช้จ่ายหรือไม่ มีแนวโน้มที่จะพอเก็บออมเพื่อลงทุนได้หรือเปล่า เพราะถ้าจะลงทุนจริงๆแล้ว แค่มีเงินเก็บให้ได้เดือนละ 1,000-5,000 บาท ก็สามารถนำไปลงทุนในการฝากประจำที่ให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยหรือจะลงทุนในกองทุนรวมได้ง่ายๆ เมื่อมีความรู้ความชำนาญและเข้าใจในตลาดของการลงทุนแล้ว เราสามารถเพิ่มระดับความเสี่ยงด้วยการลงทุนในพอร์ต หันไปเล่นหุ้น หรือนำเงินก้อนที่เราฝากประจำไว้ทุกเดือนทุกเดือน ไปทำเป็นธุรกิจของตนเองก็ได้ไม่ยากครับ
นอกจากนี้ความเสี่ยงก็เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงไว้บ้าง ไม่ว่าเราใช้เงินจำนวนมากหรือน้อยในการนำไปลงทุนทำธุรกิจต่างๆ แต่เราก็ต้องคิดถึงเรื่องขาดทุนเอาไว้บ้าง ยิ่งถ้าเป็นเรื่องการลงทุนทำธุรกิจที่เป็นของตนเองนั้นยิ่งต้องคิดเยอะๆและคิดหลายๆทาง ต้องศึกษาตลาดให้ดี จะทำอะไร จะขายอะไร จะขายได้ตามยอดที่เราตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ มีคู่แข่งเยอะหรือเปล่า เพราะถ้ามีคู่แข่งเยอะจะเสี่ยงต่อการขายแบบตัดราคากัน ยิ่งจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่
เพราะนอกจากจะขายไม่ได้แล้วยังจะไม่ได้กำไรอีกด้วย คนจะค้าจะขายก็ต้องวิเคราะห์มองตลาดให้เป็นครับ หาสินค้าที่สามารถตอบโจทย์กับคนส่วนมากได้ และยังไม่มีใครทำ นั่นแหละครับจะเป็นขุมทรัพย์ทำเงินให้กับเรา
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ อาจจะเขียนยาวไปสักนิดนะครับ นั่นก็เพราะอยากให้ทุกคนได้มองภาพรวมต่างๆได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการที่เรา อยากลงทุน ทำอะไร หรือการไม่มองข้ามความเสี่ยงหรือผลกระทบต่างๆทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย
ทุกอย่างต้องมีการวางแผน เรื่องเงินทุน ถ้ายังไม่มีก็ต้องเริ่มที่การออม การลงทุนนั้นบางทีก็ไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนเงิน แต่อย่างน้อยก็ขอให้มีเงินเก็บสักก้อนหนึ่งประมาณการณ์ว่าถ้าเอาไปใช้ลงทุนแล้วเราจะไม่เดือดร้อน นั่นล่ะครับก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ที่เหลือก็จะเป็นเรื่องที่เราต้องบริหารจัดการมันอย่างลงตัวที่สุดครับ