ช่วงนี้เราจะได้ยินคำว่า อิสรภาพทางการเงิน และการใช้ชีวิตแบบ Slow Life กันบ๋อย บ่อย แล้วชีวิตแบบนั้นมันคืออะไร ดียังไง ดีจริงหรือ แล้วถ้ามันดีจริงจะต้องทำยังไงถึงจะก้าวไปสู่ชีวิตแบบมีอิสรภาพทางการเงิน และชีวิตแบบ Slow Life ได้บ้าง ไปทำความรู้จักกันเลย
อิสรภาพทางการเงิน ที่มักจะได้ยินกัน คือ มีเงินใช้โดยไม่ต้องทำงาน สามารถไปเที่ยว ไปกินได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งความหมาย หรือคำพูดที่กล่าวมานั้นมันก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียวว่ากันมั้ย ยกเว้นแต่ว่าเราเกิดเป็นลูกมหาเศรษฐีมีเงินล้นฟ้า ไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้ แต่ในชีวิตจริงของเราที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ที่บ้านไม่มีธุรกิจเงินทองมาให้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกันใหม่ คือ อิสรภาพทางการเงิน นั้นหมายถึง การมีอิสระที่จะทำงานที่มีรายได้จากการทำอะไรก็ได้ตามที่ชอบ ไม่ต้องไปทนทำงานเพื่อเงินโดยที่ไม่มีใจรักในสิ่งที่ทำ ไม่มีภาระหนี้สินมากมายจนเกินตัว มีเงินใช้จ่ายอย่างเพียงพอ และสุดท้ายคือมีเงินออมที่เพียงพอสำหรับบั้นปลายของชีวิต ที่จะทำให้ไม่เดือนร้อนกับลูกหลานของตัวเอง
แล้วเราจะมีอิสรภาพทางการเงินได้อย่างไร สิ่งแรกเลย ก็คือ สำรวจตัวเองให้รู้สถานะที่แท้จริงเลยว่า ตอนนี้เราอยู่ในประเภทไหน งานที่ทำนั้นเรามีความสุขกับงานทุกวันหรือไม่ มีรายได้ ค่าใช้จ่าย ทรัพย์สิน และหนี้สินทั้งหมดเท่าไร แล้วดูว่ารายได้กับทรัพย์สินที่มีนั้น ครอบคลุมค่าใช้จ่ายและหนี้สินทั้หมดหรือไม่ แถมยังมีเงินเหลือเก็บออมและนำไปลงทุนได้อีก ถ้าคำตอบทุกอย่างตอบว่าใช่ นั่นแสดงว่าเราเป็นคนโชคดีมาก มาก ที่มีความสุขในการทำงาน แถมยังมีรายได้ มีทรัพย์สินที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตและชำระหนี้สินทั้งหมดอีก ซึ่งเป็นชีวิตที่น่าอิจฉามาก มาก…. แต่ถ้าคำตอบออกมาว่าไม่ใช่ งานที่ทำก็ทนทำไปวัน วัน ไม่มีความสุขเลย รายได้ที่เข้ามาก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน แถมยังจะต้องมาหมุนเงินใช้หนี้เดือนชนเดือนอีก … เป็นแบบนี้แล้วถือว่าโคม่า แน่นอน เพราะฉะนั้นเรามาปฏิวัติตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง กำหนดเป้าหมายในชีวิตว่าฉันจะต้องมีอิสรภาพทางการเงินกันดีกว่า มาเริ่มกันเลย
เมื่อเราไม่มีความสุขในการทำงาน แถมยังเปลี่ยนงานไม่ได้อีก สิ่งที่ต้องทำคือ เปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองว่าฉันจะต้องทำตัวเองให้รักในงานที่ทำให้ได้ โดยอยู่บนพื้นฐานที่ว่าเราเปลี่ยนงานไม่ได้ เพราะถ้าเปลี่ยนงานได้เราก็เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่เราชอบเลยดีกว่า … เริ่มจากดูว่าที่เราไม่มีความสุขเกิดจากอะไร เช่น เรามีความรู้ไม่เพียงพอในงานที่ทำ ก็ควรจะหาความรู้เพิ่มเติมใช้เวลาว่างในการแต่ละวันให้เป็นประโยชน์ หาคนต้นแบบในงานที่เราทำอยู่ ศึกษาการทำงานของเค้าแล้วลองทำตาม หรือสนิทกันหน่อยก็ลองเข้าไปคุย ไปขอคำแนะนำจากเค้าดูเลย หรือหากเราไม่ชอบนิสัยเพื่อนร่วมงาน นิสัยเจ้านายของเรา ก็ลองคิดในมุมกลับว่าถ้าอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน แล้วเป็นตัวเราที่ยืนอยู่ในจุดที่ทั้งเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายยืนอยู่ เราจะทำยังไง ถ้าเราคิดแบบนี้ได้จะทำให้เราเข้าใจเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย หรือลูกน้องของเราได้ดียิ่งขึ้น และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญ คือ ถ้าเรายังมีงานทำ ก็ควรจะต้องขอบคุณชีวิตของเราในวันนี้ว่า เราโชคดีที่มีงานทำ มีเงินใช้ทุกเดือน แถมบางเดือนก็ได้โบนัสเข้ามาอีก ถ้าคิดได้แบบนี้ชีวิตเราก็มีความสุขในการทำงานได้แล้ว
แล้วเรื่องการเงินล่ะ หนี้สินเยอะแยะ… หมุนเดือนชนเดือน ยุ่งอีนุ่งตุงตังไปหมด ง่ายคือ เราต้องตั้งสติดี ดี เริ่ม List หนี้สินทั้งหมดที่มี แล้วมาดูว่ารายได้ที่เข้ามาพอต่อการใช้หนี้สินแต่ละเจ้าหรือไม่ ถ้าพอก็วางแผนการใช้หนี้และทำตามแผนอย่างเคร่งครัด
ที่สำคัญอย่าเพิ่มหนี้ใหม่ขึ้นมาอีก มิเช่นนั้นเราจะไปไม่เจอคำว่าอิสรภาพทางการเงินได้เลย
แต่ถ้ารายได้ปัจจุบันที่มีอยู่ไม่พอล่ะ…. ทำยังไงดี … ไม่ต้องตกใจ ทำใจเย็น เย็น ตั้งสติกันอีก สำรวจตัวเองว่าทำอะไรเป็นบ้างนอกเหนือจากงานประจำ… หาข้อมูลจาก Internet แล้วก็ลองหารายได้พิเศษเพิ่มอีกทางหนึ่ง และที่สำคัญอย่าลืมแบ่งเงินมาเก็บออมด้วยนะ
หากเราสำรวจตัวเราแล้ว ตั้งสติในการดำเนินชีวิตแล้ว สามารถล้างหนี้สินของตัวเองได้หมด มีเงินออมบางส่วน เราก็สามารถทำงานที่ให้ความสุขกับตัวเองได้ งานที่ทำให้เรามีอิสรภาพทั้งการเงิน เวลา และการใช้ชีวิต ก็สามารถทำได้เลยไม่ต้องเป็นห่วงหรือพะวงเรื่องการเงินใด ใดอีก สามารถไปใช้ชีวิตแบบ Slow Life ที่ทุกคนใฝ่หา นั่นก็คือ ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ต้องเร่งรีบ มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น อยู่กับครอบครัวที่เรารักมากขึ้น ทำให้มีความสุขในชีวิตเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
จริง จริงแล้วทั้งหมดที่ว่ามาข้างต้นมันเป็นเพียงการบอกแนวทางการค้นหาอิสรภาพทางการเงินอย่างคร่าว คร่าว ที่สำคัญเราควรสำรวจตัวเอง หาหนังสือเกี่ยวกับการบริหารการเงินส่วนบุคคลมาอ่าน ซึ่งจะมีหลากหลายชื่อตามแต่จะตั้งกัน และทำตามแนวทางที่โค้ชเหล่านั้นแนะนำ… เท่านี้ก็ไม่ยากเกินไปที่เราจะก้าวไปสู่ชีวิตที่มี อิสรภาพทางการเงิน และนำพาไปสู่การใช้ชีวิตแบบ Slow Life ได้