เผลอแป๊ปเดียวนี่ก็เดือน 8 เข้าไปแล้ว นับดูดีๆ อีก 4 เดือนหมดปีกันอีกแล้ว ในปีนี้ใครเพิ่มหนี้ ใครลดหนี้ สำรวจ การเงิน ตัวเองกันบ้างไหมเอ่ย ถ้ายังก็ทำได้แล้วนะ เพราะปีนี้การเงินภาพรวมย่ำแย่ อย่าโลกสวยบอกตัวเองว่าฉันมีเงินเดือน ฉันมีบัตรเครดิตนะจ๊ะ เพราะสภาพการการทั่วโลก และ ในประเทศ มันต้องรัดเข็มขัดกันแล้ว
ใครที่สร้างหนี้ในปีนี้ ปีหน้าก็เตรียมรัดเข็มชัดลดการใช้เงินฟุ่มเฟือยกันนะ ส่วนใครที่ลดหนี้ได้ในปีนี้ ปีหน้าอย่าสร้างหนี้กันอีก อย่างที่เราเห็นกันตามข่าว ช่วงนี้ทั้งค่าเงินหยวนลด การเมืองไม่นิ่ง ทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิต หุ้นตก น้ำมันขึ้น ทองขึ้นๆลง ทุกอย่างเป็นสัญญาณเตือนให้เราไม่ประมาทเรื่องการเงิน หลายๆคนอ่านแล้วคงคิดว่า ไร้สาระเตือนอะไรกันนักหนา แต่เหตุการณ์เหล่านี้มันส่งผลกับ การเงิน ในกระเป๋าเราทั้งนั้นนะ
ปีนี้เราได้เห็นราคาอาหารข้างถนนราคาเท่าห้าง อาหารในห้างเท่าภัตตาคาร กันแล้วเดี๋ยวนี้เงิน 100 บาทกินอะไรแทบไม่อิ่มสำหรับบางคน แล้วคิดว่าปีหน้าจะหนักกว่านี้ไหม ราคาอาจไม่ขึ้นแต่ปริมาณลดลงจ่ายเท่าเดิมได้ของน้อยลง มันก็เหมือนปล้นกันดีๆเนี่ยล่ะ ใครที่มีบัตรเครดิตก็บริหารการใช้ให้ดีๆ ใช้ตามความเหมาะสม มันจะมีประโยชน์ในวันข้างหน้าหากมีวงเงินเหลือ ส่วนคนที่วงเงินเต็มก็ผ่อนๆให้มันหนี้ลดมาซะ งดใช้สักระยะลดหนี้ลดฟุ่มเฟือยเตรียมความพร้อมไว้สำหรับอนาคต
ยิ่งช่วงปลายปีถือเป็นช่วงการใช้เงินของหลายๆคน ไหนจะโบนัส ได้จะเงินเดือนขึ้น เทศกาลวันหยุดต่างๆเชื่อว่าหลายคนวางแผนการท่องเที่ยวไว้แล้ว ก็อย่าเที่ยวเพลินเหลือเงินไว้เป็นทุนสำรองกันด้วยนะจ๊ะ เพราะปีหน้าเรายังไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง การเงินโลก การเงินในประเทศจะผันผวนหรือไม่ อัตราดอกเบี้ยต่างๆจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไรยังคาดการณ์ไม่ได้ เหตุการณ์ไม่คาดฝันมีขึ้นมาตลอด ดังนั้น ควรเตรียมความพร้อมไว้ให้ดี ได้เงินโบนัสมาก็พยายามบริหารให้ดีเช่น แบ่งใช้หนี้ (ถ้ามีนะ) แบ่งฝากธนาคาร และ ใช้จ่ายตามความเหมาะสม เพราะสภาพเศรษฐกิจในบ้านเราไม่ค่อยดีนัก แต่ไม่ค่อยมีใครยอมรับกันคนไทยหลอกตัวเองกันไปวันๆ ว่าไม่มีอะไร เศรษฐกิจยังดีอยู่ ยังค้าขายได้ นักท่องเที่ยวยังเข้าประเทศ คนไทยยังมีเงินเที่ยวเมืองนอก
นี่คือการมองเผินๆ แต่หากลองถามคนหาเช้ากินค่ำดูสิ บรรดาแม่ค้าตามท้องถนน ตามตลาด วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ คุณจะได้รับคำตอบคนละเรื่องกับข่าวการเงิน หรือ ข่าวตามทีวีที่ออกทุกวันกันเลยทีเดียว เอาง่ายๆนะ ผู้เขียนมีเพื่อนเป็นแม่ค้าขายอาหารในโรงเรียน แน่นอนว่าขายยังไงก็กำไรเพราะนักเรียนต้องกินทุกวัน รายได้ยังไงก็คงที่ ขายมีกำไรไม่ขาดทุนแน่นอน นั่นคืสิ่งที่คิด แต่ความเป็นจริงคือ ต้นทุนสูงขึ้นของสดต่างๆราคาสูงขึ้น ต้องลงทุนมากขึ้น ขายราคาไม่สูงเหมือนร้านทั่วไปตามกฎของโรงเรียน ลงทุนวันละ 5,000 บาท หักค่าใช้จ่ายและต้นทุนของการขายในแต่ละวัน เหลือกำไรกลับบ้าวันละ 1,000 – 1,200 บาท ดูเหมือนจะดีใช่ไหม แต่เชื่อไหมว่าปีที่แล้วลงทุนเท่านี้ขายได้เยอะกว่านี้ นั่นหมายถึง ราคาวัตถุดิบมันขึ้น ของสด เครื่องปรุง แก๊ส ทุกอยย่างขึ้นราคาหมด ทำให้ลงทุนเท่าเดิมกำไรน้อยลง สำหรับคนทีมองแต่ตัวเลข อาจคิดว่าก็ดีนี่ขายได้กำไรเท่านี้
แต่อย่าลืมว่า ขายโรงเรียนอาทิตย์ละ 5 วัน เดี๋ยวหยุดสอบ เดี๋ยวหยุดราชการ ปิดเทอม สำหรับกำไรเท่านี้เฉลี่ยกับวันหยุดแล้วเพื่อนบอกแทบไม่เหลืออะไรเลย แถมบางวันกำไรเหลือไม่ถึงพันด้วย เพราะเด็กๆ ก็ประหยัด บางคนรวมๆกันซื้ออาหารกินรวมกัน เพราะได้ค่าขนมมาน้อยไม่พอค่าเดินทาง ค่ากินต้องอาศัยกินกับเพื่อนก็มี ช่วยๆกันจ่ายไป มันก็ส่งผลกระทบ ถึงรายได้คนค้าขายเหมือนกัน เพื่อนบอว่ารายได้มันแค่พอดีๆ ไม่ตึงมือแต่ก็ฟุ่มเฟือยไม่ได้ เห็นไหมว่าการค้าขายไม่ได้ดีอย่างที่คิด ขนาดขายในพื้นที่ที่มีลูกค้าแน่นอน มีรายได้ทุกวันขายได้ทุกวัน คนค้าขายยังบ่น นับประสาอะไรกับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราล่ะ เตรียมพร้อมกันให้ดีๆ มีเงินสดติดตัวดีกว่ามีเงินพลาสติกใช้ก่อนผ่อนทีหลังนะจ๊ะ