มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งเลยนะคะ หลักจากที่ได้ทำงานมีเงินเก็บแล้ว ก็ถึงเวลาอันสมควรที่จะ ซื้อบ้าน ด้วยเงินเก็บที่เราหามาได้นั่นเอง แต่หลายคนกำลังเป็นที่วิตกกังวลอยู่ไม่น้อยเลยนั่นเอง และเรื่องที่กำลังเป็นกังวลอยู่นั้นจะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่เรื่องบ้านที่กำลังจะซื้อว่าจะต้องทำอย่างไร วางแผนอย่างไร หรือว่าจะเป็นการจ่ายเงินอย่างไร
วันนี้ไม่ต้องเป็นกังวลกันอีกต่อไปเลยนะคะ เพราะทางเราได้จัดแนวความรู้เพื่อมาบอกต่อแก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูลเพื่อความข้องใจสงสัย และสามารถคลายความกังวลได้อีกด้วยนั่นเอง และเป็นที่แน่นอนที่สุดแล้วนั้น การวางแผนการ ซื้อบ้าน ที่เราได้จัดหามานั้นจะเป็นตัวช่วยในการเลือก จ่าย และทำธุรการเกี่ยวกับบ้านได้เป็นอย่างดีเลยนั่นเอง
1.กำหนดรูปแบบบ้านที่ต้องการ
ขั้นตอนแรกของการวางแผนสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือการ กำหนดรูปแบบบ้านที่ต้องการ ก่อนที่คุณจะ ซื้อบ้าน สิ่งที่คุณต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือ การกำหนดรูปแบบบ้านในฝันให้ชัดเจนค่ะ เริ่มจากตรวจสอบความต้องการของตัวเองว่า ต้องการบ้านแบบไหน บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือ คอนโด มีกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ แล้วทำเลสถานที่ตั้งนั้นจะอยู่ที่ไหนดี ทั้งนี้การออกสำรวจตัวอย่างบ้านในฝัน ก็จะช่วยให้ภาพของความต้องการของเราชัดเจนขึ้นด้วยค่ะ เมื่อได้ภาพบ้านในฝันแล้ว ถัดมาก็มากำหนดเป้าหมายในรูปตัวเงินว่า บ้านในฝันของคุณมีราคาเท่าไหร่ เพื่อวางแผนในการซื้อหาและครอบครองต่อไป จัดได้เลยว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น และผู้ที่ต้องการซื้อนั้นไม่ควรที่จะมองข้ามเป็นอย่ามากเลยนั่นเอง
2.การวางแผนดาวน์
ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นขั้นตอนที่พลาดไม่ได้ และสำคัญเป็นอย่างมากเลยทีเดียวนั่นคือ การวางแผนดาวน์ และจดจำนอง เมื่อได้เป้าหมายในรูปตัวเงินแล้ว ก็ต้องมากำหนดวงเงินกันว่าจะดาวน์เท่าไหร่ จะกู้เงินธนาคารเท่าไหร่ (ส่วนใหญ่คงไม่รอเก็บเงินตัวเองซื้อ) ตรงนี้อยากเตือนผู้ที่ตั้งใจจะมีบ้านว่าอย่าคิดแต่อยากจะได้บ้าน จนกู้เงินโดยไม่ลืมหูลืมตานะคะ บางคนคิดเอาว่ากู้ไปก่อน ยิ่งถ้าไม่ต้องดาวน์เลยยิ่งดี ตรงนี้เป็นความคิดที่ผิด ทั้งนี้เพราะการกู้เงินซื้อบ้าน โดยไม่ใช้เงินตัวเองดาวน์เลยนั้น อาจทำให้ท่านมีภาระการผ่อนชำระคืนที่สูงเกินไป และอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในภายหลังได้
ดังนั้นคุณต้องคำนวณตัวเลขที่เหมาะสมว่าจะดาวน์เท่าไหร่ กู้เท่าไหร่ กู้นานแค่ไหน และอัตราดอกเบี้ยเป็นเท่าไหร่ ทั้งนี้ควรชั่งน้ำหนักให้ดี ระหว่างค่าใช้จ่ายโดยรวม กับเงินที่จะต้องผ่อนบ้านในแต่ละเดือนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และที่สำคัญต้องไม่กู้จนเกินกำลังจะผ่อนไหวนะคะ ซึ่งโดยปกติแล้ว เงินค่าผ่อนบ้านที่ดี ไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้นะคะ เพราะจะได้ผ่อนได้ง่ายๆ แบบสบายๆ ไม่ทำให้คุณเดือดร้อน หรือเกิดความวิตกกังวลจนเกินไปนั่นเองค่ะ
3.ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม
ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมต่างๆ นอกเหนือไปจากเรื่องของเงินดาวน์และเงินกู้แล้ว ผู้ที่จะซื้อบ้านยังต้องมองเลยไปถึงค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมต่างๆ อาทิ ค่าธรรมเนียมเงินกู้ ค่าโอน ค่าจดจำนอง ค่าอากร ภาษีธุรกิจเฉพาะ (ทั้งหมดนี้สอบถามจากผู้ขาย หรือหาข้อมูลเบื้องต้นจากเว็บไซต์ธนาคารและกรมที่ดินได้) ค่าประกันอัคคีภัย รวมถึงค่าตบแต่งและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่จะทำให้บ้านของคุณเป็นบ้านในฝันอย่างแท้จริง ดังนั้นคุณอาจจะต้องมีการวางแผน เตรียมเงินก้อนไว้อีกก้อนหนึ่งเพื่อเตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวข้างต้นด้วยค่ะ
4. การวางแผนการชำระคืน
การที่คุณได้วางแผนชำระคืนอย่างชาญฉลาดเมื่อได้บ้านมาครอบครองแล้ว หน้าที่ที่คนซื้อบ้านจะต้องทำก็คือ การวางแผนการชำระคืน คำถามมีอยู่ว่า ทำไมต้องวางแผนการชำระคืนด้วย ในเมื่อธนาคารเขาก็กำหนดค่างวดมาชัดเจนแล้วว่าต้องผ่อนชำระเดือนละเท่าไหร่ คำตอบก็คือ เพื่อให้เราสามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้เร็วกว่ากำหนด อันจะเป็นการประหยัดค่าดอกเบี้ยจ่ายยังไงละคะ วิธีการก็สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- ทำการชำระคืนเงินผ่อนชำระตามเงื่อนไขธนาคาร บวกด้วยเงินพิเศษ 10% ของค่างวด นั่นเองค่ะ เป็นวิธีการโปะหนี้ได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง แต่คุณทราบหรือไม่ว่าวิธีการนี้ จะทำให้คุณสามารถผ่อนชำระเงินกู้ซื้อบ้านหมดเร็วขึ้นได้ราว 7-8 ปี เลยทีเดียวค่ะ เพราะเงิน ที่คุณผ่อนเพิ่มจะไปตัดเงินต้นโดยตรง ทำให้เงินต้นลดลงเร็วขึ้นอีกนิด และช่วยให้ดอกเบี้ยจ่ายโดยรวมต่ำกว่าการผ่อนตลอดระยะเวลา 30 ปี เลยทีเดียวค่ะ
- หากคุณไม่ถนัดแบบแรก ก็อาจใช้วิธีการผ่อนเพิ่มอีก 1 งวดในทุกปีก็ได้ โดยที่คุณอาจรอให้ถึงช่วงโบนัส หรือรับคอมมิชชั่นพิเศษ ค่อยนำเงินไปทบกับเงินงวดผ่อนชำระก็ได้ค่ะ
สังเกตได้เลยนะคะว่าปัจจุบันนี้ในการที่เราจะทำการเลือกซื้อ หรือผ่อนบ้านนั้น เพียงแค่เรามีการวางแผนที่ดี และเราสามารถกำหนดการเงินของเราเองให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้นั้น เชื่อได้เลยว่าเพียงใช้เวลาที่ไม่นานเท่าไหร่นัก คุณก็จะได้บ้านที่ปราศจากหนี้ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าเป็นไทนั่นเองค่ะ
มันเป็นเรื่องที่ใครๆก็สามารถที่จะทำได้อย่างง่ายดายกันเลยทีเดียวนะคะ เพราะทุกวันนี้เพียงแค่เราตั้งสติ และมีการวางแผนที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากกันอีกต่อไป