หากคุณมีความต้องการที่ เริ่มต้นลงทุน ในกิจการหรืออะไรสักอย่างเพื่อต่อยอดเงินที่มีอยู่ให้งอกเงยขึ้นมา แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปเริ่มที่ตรงไหนหรือจะลงทุนกับอะไรดี เพราะการลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันก็มีหลากหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไปด้วย แต่ก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนมีบางอย่างที่เราต้องรู้ก่อนที่จะตัดสินใจ เริ่มต้นลงทุน ไปนั่นคือ เงินทุนนั่นเอง
เงินทุนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เดียว เพราะไม่มีเงินนั้นต่อให้เรามีความรู้ มีประสบการณ์อย่างไรก็อาจจะไม่ลงทุนไปจริงๆ แต่ในขณะที่เรามีทุนเราก็สามารถลงทุนได้แม้ว่าเราจะไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ก็ตาม ดังนั้นทุนจึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่เราต้องมีเป็นอย่างแรกเลย และเงินทุนของเราต้องเป็นเงินเหลือใช้ ในที่นี้คือไม่ใช่เงินใน 3 ส่วนนี้ คือ
- เงินสำหรับค่าใช้จ่ายประจำเช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า หรือรายจ่ายอื่นๆที่เราต้องใช้จ่ายเพื่อดำรงชีวิต เพราะหากนำเงินส่วนนี้มาลงทุนล่ะก็ มันจะทำให้คุณมีปัญหาทางการเงินได้ในอนาคต
- เงินที่เก็บไว้สำหรับใช้จ่ายฉุกเฉิน ซึ่งก่อนจะลงทุนเราควรมีเงินในส่วนที่เก็บไว้สำหรับใช้จ่ายฉุกเฉินนี้เก็บไว้ก่อน เพื่อป้องกันในกรณีที่เงินหมดไปการลงทุนและมีเหตุการณ์ที่ต้องใช้เงิน แต่ไม่สามารถดึงเงินจากการลงทุนมาใช้ได้นั่นเอง ซึ่งในส่วนของปริมาณเงินที่ต้องมีนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะเก็บเท่าไหร่ แต่ก็ควรมีเท่ากับหรือมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้เล็กน้อย
- เงินที่เก็บไว้สำหรับใช้จ่ายในกรณีตกงาน เงินนี้ควรมีในปริมาณที่มากพอที่เราจะสามารถอยู่ได้โดยไม่มีเงินเดือนประมาณ 12-18 เดือน ซึ่งอาจจะเก็บไว้ในบัญชีที่มีค่าตอบแทนสูงกว่าเงินในส่วนที่เก็บไว้สำหรับใช้จ่ายฉุกเฉินได้ เพราะเงินนี้สามารถเก็บแบบลืมไปเลยก็ได้ไม่ใช่เงินที่ต้องดึงออกมาแบบไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เพราะถ้าออกจากงานแบบลาออกเองก็สามารถรู้ได้ล่วงหน้า หรือถ้าโดนไล่ออกก็ยังมีเงินเดือนให้อีก 3 เดือนให้เราพอตั้งตัวได้นั่นเอง เงินที่เหลือจากส่วนนี้เราก็สามารถนำมาลงทุนได้โดนไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหา พอมีทุนสิ่งที่เราต้องตัดสินใจต่อไปก็คือ จะลงทุนกับอะไรดีนั่นเอง
ธุรกิจส่วนต่างๆ
การใช้เงินเพื่อสร้างธุรกิจส่วนตัว เป็นสิ่งที่คนนิยมทำกันมากเพราะไม่ต้องไปพึ่งพาหรืออาศัยคนอื่นๆมากนัก การตัดสินใจทุกอย่างเราสามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้ แต่เป็นหนทางที่สามารถสร้างความร่ำรวยได้เร็วที่สุด แม้ว่าจะมี่ความเสี่ยงอยู่มากและผู้ลงทุนต้องเหนื่อยมากอยู่บ้างในช่วงที่เริ่มต้น และจะค่อยๆเบาลงเมื่อทำไปนานๆ รวมถึงรายได้ที่จะดีขึ้นเรื่อยหากธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นดี ดังนั้นการทำธุรกิจเป็นของตัวเองจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนสำหรับผู้ที่เริ่มจะตั้งตัวเลยล่ะ
ตราสารต่างๆ
ตราสารต่างๆไม่ว่าจะเป็น หุ้น พันธบัตร หรืออะไรก็ตามที่เป็นลักษณะของการลงทุนไปและมีเอกสารจากทางบริษัทหรือองค์กรเหล่านั้นให้ไว้ เราจึงมักจะเรียกการลงทุนในตราสารต่างๆเหล่านี้ว่าเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทกระดาษ ส่วนเงินและผลประโยชน์ที่จะได้จากตราสารเหล่านี้จะเรียกว่า portfolio income หรือรายได้ที่ได้จากพอร์ตการลงทุนนั่นเอง ซึ่งการลงทุนด้วยวิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจเหมือนกัน เพียงแต่ต้องมีเงินทุนมากพอสมควรเลยล่ะ
อสังหาริมทรัพย์
เป็นหนทางการลงทุนที่หลายๆคนนิยม แต่ต้องมีกระเป๋าหนักเล็กน้อยเพราะอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงและระยะเวลาที่จะได้กำไรนั้นก็ค่อนข้างนานอยู่บ้าง ยกเว้นในบางกรณีที่อาจจะเร็ว การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยกตัวอย่างเช่น การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไร เป็นต้น ซึ่งเงินได้ที่เราได้จากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะเรียกว่า passive income สำหรับใครที่มีเงินหมุนเวียนในแต่ละเดือนไม่พอ ไม่แนะนำให้ลงทุนด้วยวิธีนี้นะ เพราะโอกาสได้น้อยกว่าโอกาสเสียนั่นเอง
การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ
การลงทุนประเภทนี้เป็นการลงทุนในสินค้าพื้นฐานของคนเรา เนื่องจากสินค้าพวกนี้เป็นของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น ของกิน ของใช้ สินค้าเกษตร สินแร่ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งปกติราคาของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นจะเปลี่ยนไปตามค่าเงินและสภาพเศรษฐกิจ ดังนั้นการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์นั้นจำเป็นต้องรอช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น เข้าไปลงทุนในช่วงที่ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราก็ต้องอีกว่าสินค้าโภคภัณฑ์ที่เราจะลงทุนนั้นควรจะเข้าไปลงทุนในช่วงไหนกันแน่ และควรลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญเพื่อให้เราสามารถไหวตัวทันต่อความเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้นั่นเอง
การลงทุนเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เรามีรายได้ขึ้นมาอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งคุณอาจจะออกจากงานมาลงทุนทำธุรกิจของตัวเองโดยเฉพาะก็ได้ หรือจะยังคงทำงานประจำอยู่ เพียงแต่นำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการทำงานมาลงทุนเพื่อหารายได้อีกช่องทางหนึ่งไปด้วยก็ได้ เช่น การลงทุนอสังหาริมทรัพย์หรือการลงทุนตราสาร เป็นต้น
เห็นไหมว่าช่องทางการหาเงินไม่ได้หายากอย่างที่คิดเลย เพียงแค่เลือกการลงทุนที่เหมาะกับสภาพทางการเงินของตัวเอง ก็จะทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีกทางหนึ่งแล้วล่ะ