จำนวนของผู้ถือบัตรเครดิตของประเทศไทยนั้นเพิ่มสูงขึ้นมากในปัจจุบัน และเฉลี่ยแล้วแต่ละคนจะถือบัตรเครดิตอย่างน้อย 2 ใบ สาเหตุหลักที่จำนวนของบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากเงื่อนไขที่ง่ายขึ้นสำหรับการสมัครบัตรเครดิต เพียงแค่มีเงินเดือน 15,000 บาท ก็สามารถทำการสมัครบัตรเครดิตได้แล้ว ประกอบกับสถาบันการเงินที่ไม่ได้อยู่ในกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (Non Bank) ก็เพิ่มมากขึ้น ต่างปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตกันมาก ด้วยข้อเสนอที่ลูกค้าสามารถทำการผ่อนชำระสินค้าผ่านบัตรแบบ 0% จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ที่อาจจะมีคุณสมบัติไม่เข้าเกณฑ์ของสถาบันการเงินใหญ่ ต่างหันไปสมัครบัตรเครดิตกับกลุ่มสถาบันการเงินแบบ Non Bank กันมาก
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย จะนิ่งดูดาย ปล่อยให้กลุ่ม Non Bank หยิบชิ้นปลามันไปรับประทานได้ง่าย สถาบันการเงินต่างต่อกร ด้วยโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเพิ่มการสมัครบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นของแถม คะแนนสะสมแบบคูณสอง ส่วนลดร้านค้าต่างๆ แม้กระทั้งสิทธิพิเศษคืนเงินสดเข้าบัญชี เมื่อมียอดใช้จ่ายตามจำนวนที่กำหนด นอกเหนือจากนั้น ประเภทบัตรที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะบัตรประเภทท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากคะแนนสะสมที่สูงกว่าบัตรทั่วไป และสิทธิพิเศษในด้านของส่วนลดต่างๆจากโรงแรม รีสอร์ท หรือแม้แต่ราคาของตั๋วเครื่องบิน ที่สามารถนำคะแนนสะสมไปแลกเป็นส่วนลดหรือสะสมเพื่อแลกไมล์โดยสารได้ นี้จึงเป็นสาเหตุหลักๆของการเพิ่มขึ้นของจำนวนบัตรเครดิตในปัจจุบัน แต่ในส่วนอื่นๆ คงจะไม่กล่าวถึง เพราะการสมัครบัตรเครดิตเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ความจำเป็นที่แตกต่างกัน และความต้องการที่จะได้รับจากบัตรเครดิตนั้นแตกต่างกัน จึงไม่สามารถกล่าวแบบชัดเจนได้ว่า ปัจจัยใด ผู้คนในปัจจุบันจึงเลือกบัตรเครดิตนั้น ไม่เลือกบัตรเครดิตนี้
กล่าวมาข้างต้น เพื่อชี้ให้เห็นว่าบัตรเครดิตเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบัน แต่หลายคนที่ต้องการจะสมัครบัตรเครดิต แต่ก็ติดปัญหาตรงที่คุณสมบัติไม่ตรงกับที่สถาบันการเงินได้กำหนดไว้ เช่น เงินเดือนไม่ถึงเกณฑ์ หรือ ประกอบอาชีพอิสระ ก็ไม่สามารถสมัครบัตรเครดิตได้ตามเงื่อนไขแบบปรกติ แต่ก็ยังสามารถสมัครบัตรเครดิตได้ด้วยการสมัครแบบฝากคํ้าประกัน คือ นำเงินสดไปฝากไว้กับสถาบันการเงินที่ต้องการทำบัตร จากนั้นแจกความประสงค์จะขอทำบัตรเครดิตแบบฝากคํ้าประกัน โดยใช้เงินที่ฝากคํ้าไว้ ไม่สามารถทำการถอนเงินจำนวนนั้นออกมาได้ จนกว่าจะมีการยกเลิกบัตร และวงเงินที่ได้รับจะได้ประมาณ 90% ของยอดเงินที่ฝากไว้ บางสถาบันการเงินอาจจะเป็นผู้กำหนดวงเงินที่จะต้องฝากตามจำนวนที่ตั้งไว้
จากเกณฑ์ข้างต้นน่าจะชัดเจนสำหรับผู้อ่าน แต่ก็มีปัญหาที่ผู้สมัครแบบฝากคํ้าประกันไม่มีเบอร์บ้านจะสมัครแบบฝากคํ้าประกันได้ไหม ขอแจ้งว่าสามารถทำได้ แค่เบอร์โทรศัพท์มือถือ ก็น่าจะเพียงพอที่สถาบันการเงินจะติดต่อได้ เพราะอย่างไรแล้วการสมัครบัตรเครดิตไม่ว่าจะแบบปรกติหรือแบบฝากคํ้าประกัน ก็ต้องยื่นเอกสารสำคัญนั้น คือ บัตรประชาชน