เวลาที่เราเห็นรายการสินค้าผ่อน 0% ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของผ่านบัตรเครดิตที่จะเจอกันบ่อยๆ คือ ผ่อน 0% 3 เดือน 6 เดือน หรือจะยาวหน่อยก็เป็น 10 เดือน หรือแม้แต่การขายรถยนต์ก็เริ่มมีโปรแกรมผ่อน 0% มาแล้วเหมือนกัน ซึ่งบางเจ้าใจป้ำให้ถึงผ่อน 0% ได้ถึง 5 ปีเลยก็มี ทีนี้เรามาดูเงื่อนไขการผ่อน 0% กันดีกว่าว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่โฆษณา
ลองมาดูที่การผ่อนสินค้าสักชิ้นผ่านบัตรเครดิตที่มีโปรแกรมผ่อน 0% 6 เดือน
ซึ่งถ้าเราไปเจอการโฆษณาล่อใจแบบนี้ ก็ลองถามคนขายก่อนนะว่าถ้าซื้อด้วยเงินสดมีส่วนลดอะไรบ้าง ถ้าซื้อเงินสดแล้วไม่มีลดก็อาจจะเลือกการผ่อนแบบ 0% นี้ก็ได้ แต่ก็ต้องจำไว้เสมอว่าเมื่อใช้โปรแกรม 0% ผ่านบัตรเครดิตแล้ว วงเงินในบัตรเครดิตก็จะถูกตัดออกไปด้วยเหมือนกับว่าเราใช้บัตรซื้อของนั้น และจะได้วงเงินกลับคืนมาเมื่อชำระครบ 6 เดือนแล้ว และที่สำคัญที่สุด คือ เมื่อเลือกที่จะผ่อนสินค้าผ่านบัตรเครดิตแบบ 0% แล้ว เราจะต้องมีวินัยในการชำระเงินด้วย เพราะถ้าเราชำระล่าช้าสัก 1 เดือนแล้วล่ะก็ เราจะถูกคิดดอกเบี้ยร้อยละ 28% ต่อปีจากวงเงินที่รูดได้
ซึ่งการ ผ่อนสินค้า 0% ผ่านบัตรเครดิตนั้น สิ่งที่เราน่าจะทำก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านโปรแกรมนี้ คือ เก็บเงินสดในแต่ละเดือนให้ได้ตามจำนวนของสินค้าที่เราต้องการซื้อก่อนดีกว่า เพราะนั่นจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าหากเราเลือกใช้การผ่อนสินค้าแบบ 0% แล้วเราจะมีเงินจ่ายในแต่ละงวดอย่างแน่นอน
มาถึงการผ่อนบ้านที่เดี๋ยวนี้ก็มีการผ่อนแบบ 0% มาให้เลือกเหมือนกัน
เช่น บางธนาคารก็ให้โปรโมชั่นกับลูกค้า ให้สามารถผ่อน 0% ได้ 3 เดือนแรก หรือ 6 เดือนแรก นั่นก็หมายความว่าในช่วง 3 เดือนหรือ 6 เดือนแรกเราอาจจะจ่ายเงินผ่อนน้อยกว่าจำนวนเงินที่ต้องผ่อนในแต่ละงวด หรืออาจจะจ่ายเงินที่เท่ากันทุกเดือน แต่ในช่วงที่เป็นดอกเบี้ย 0% จำนวนเงินก้อนนั้นก็นำไปจ่ายเป็นเงินต้นทั้งหมด เช่น จำนวนที่ต้องจ่ายปกติเดือนละ 6,000 บาท ถ้าเราอยู่ในช่วงดอกเบี้ย 0% จำนวนเงิน 6,000 บาทนั่น ก็จะนำไปจ่ายเป็นเงินต้นทั้งจำนวนเลย แต่หลังจากที่พ้นช่วงเวลาดอกเบี้ย 0% ไปแล้ว การผ่อนทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติไม่ว่าจะเป็นจำนวนเงินที่ต้องผ่อน การจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญา ยังเสียเราก็ควรที่จะอ่านเงื่อนไขให้ดีก่อนที่จะเลือกโปรโมชั่นแบบนี้ เพราะบางครั้ง 6 เดือนแรกจ่ายไหว แต่พอพ้นไปแล้วก็จ่ายไม่ไหวขึ้นมาก็มี
ที่นี้เราก็มาถึงดอกเบี้ย 0% ในการซื้อรถยนต์
ถ้าเป็นการผ่อน 0% แล้วก็น่าสนใจอยู่เพราะเป็นไปได้ว่าผู้ขายรถอยากเพิ่มยอดขายก็เลยยอมลดกำไรลงมาจ่ายเป็นดอกเบี้ยให้ลูกค้าแทน แต่ถ้าเป็นโปรโมชั่นดาวน์ 0% นี่ต้องคิดหนักกันสักหน่อย เพราะว่าปกติเวลาที่เราซื้อรถสักคันส่วนมากเราจะต้องวางเงินดาวน์สัก 15-25% ของราคารถยนต์ แล้วค่อยไปคิดจำนวนเงินและดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนในแต่ละงวดให้กับเรา แต่ถ้ามีโปรโมชั่น 0% มาเมื่อไร นั่นก็หมายความว่า เราไม่ต้องมีเงินมาดาวน์รถก็สามารถซื้อรถได้เลย นั่นก็หมายความว่าจำนวนเงินที่คนขายรถหรือไฟแนนซ์จะเอาไปคิดดอกเบี้ยและจำนวนเงินที่ต้องผ่อนแต่ละงวด คือ ราคาเต็มๆ ของรถยนต์คันนั้นเลย นั่นก็จะทำให้เรามียอดเงินที่ต้องผ่อนแต่ละเดือนสูงขึ้น หรืออาจจะต้องผ่อนเป็นระยะเวลานานขึ้น เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นนั่นเอง
เช่น เราต้องการซื้อรถยนต์คันละ 850,000 บาท ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.35% ถ้าเป็นการซื้อปกติที่ต้องวางเงินดาวน์ 25% ก็จะเหลือเงินต้นที่มาคำนวณดอกเบี้ยจำนวน 637,500 บาท แต่ถ้าเราไม่ต้องมีเงินดาวน์จำนวนเงินที่นำมาคิดดอกเบี้ย คือ 850,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนดอกเบี้ยต้องสูงกว่าแน่ๆ
เพราะฉะนั้นหากเราเจอโฆษณาผ่อนสินค้า 0% แล้วล่ะก็ลองคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจซื้อ และที่สำคัญคือ เมื่อเลือกที่จะซื้อของแบบนี้แล้วเราจะต้องมีวินัยในการจ่ายคืนให้ตรงเวลา เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเราอาจจะถูกคิดดอกเบี้ยที่แพงขึ้นมาก เนื่องจากผิดเงื่อนไขการผ่อนชำระก็เป็นได้
อ่านเพิ่มเติม : 3 สิ่งที่ควรทำเมื่อจะซื้อ สินค้าเงินผ่อน