ความฝันในการมีเงินล้านคงเป็นความฝันของมนุษย์ทุกคน หากมีการวางแผนที่ดี มีวินัยในการออมเงิน ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย ซื้อแต่สิ่งของที่จำเป็น การมีเงินล้านก็คงสามารถทำได้จริง ไม่เป็นเพียงแค่ความฝันอีกต่อไป และมีหลายคนที่สามารถทำได้สำเร็จก็ได้มาแชร์ประสบการณ์ให้เราได้เห็นกันมากมายในเว็บบอร์ดต่าง ๆ ด้วยวิธีทางของการได้เงินล้านในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ทุกเรื่องเป็นประสบการณ์ตรงและจริงจากตัวของผู้เล่าเอง วันนี้เราจะมาดูกันสัก 1 ตัวอย่างที่คนแชร์ไว้ในกระทู้ http://pantip.com/topic/34887605 ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการเก็บออมบริหารเงิน ที่หลายท่านสามารถยึดถือเป็นแบบอย่างได้
เจ้าของกระทู้ได้มาเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองที่เป็นคนทำงานมีรายได้ประจำหรือเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเรา ๆ ตั้งแต่เรียนจบก็เริ่มทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนและตลอดเวลาที่ผ่านมา 6 ปี ก็ไม่ได้เปลี่ยนอาชีพยังคงเป็นมนุษย์กินเงินเดือนเช่นเดิม เพียงแต่มีการโยกย้ายที่ทำงานใหม่บ้าง โดยเจ้าของกระทู้ให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการอัพค่าตัว ซึ่งก็เป็นเทคนิคหนึ่งที่สามารถทำได้ หากเรามั่นใจในตัวเองว่าเรามีศักยภาพเพียงพอ ทำงานคุ้มกับเงินเดือนที่เรียกไป ความรู้ความสามารถที่เรามีคุ้มค่าที่บริษัทจะจ่าย และตั้งแต่เริ่มทำงานเดือนแรกก็มีการวางแผนเพื่อเก็บเงินและลงทุนทันที โดยเป้าหมาย คือ เก็บเงิน 1 ล้าน ให้ได้ก่อนอายุ 30 ปี
เจ้าของกระทู้เริ่มด้วยการแสดงทรัพย์สินในปัจจุบันหลังจากผ่านการทำงานมีรายได้เก็บเงินลงทุนมา 6 ปี เขามีทรัพย์สินดังนี้ คือ
-
หุ้น 300,812 บาท
-
เงินสด 50,125 บาท
-
ประกันแบบออมทรัพย์ 121,128 บาท
-
ประกัน Unit Linked 60,000 บาท
-
ประกันแบบบำนาญ 150,102 บาท
-
กองทุนรวม 326,630 บาท
-
และกองทุนทองคำ 72,000 บาท
-
รวมทรัพย์สิน 1,080,797 บาท
ในส่วนของหุ้นเจ้าของกระทู้ใช้วิธีการออมหุ้น คือกันเงินเดือนไว้ที่ 20-30% เพื่อซื้อหุ้นในแต่ละเดือนเป็นการสะสมหุ้น โดยเขามีหลักเกณฑ์ในการเลือกหุ้นพื้นฐานในดวงใจอยู่หลายข้อเพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงจากพอร์ตหุ้นที่ถือว่าน่าสนใจ เช่น P/E ไม่เกิน 15 เท่า B/V น้อยกว่า 3 ROE,ROA มากกว่า 10% ต่อเนื่อง 5 ปี ฯลฯ หุ้น 6 ตัวที่ถืออยู่ในปัจจุบันโดยการก็เป็นหุ้นพื้นฐานดีที่บางตัวก็เน้นปันผลด้วย มี AIT, DTAC, INTUCH, LPN, MODERN, QLT บางตัวก็กำไร บางตัวก็ขาดทุน แต่จำนวนหุ้นและการกระจายความเสี่ยงในแต่ละอุตสาหกรรมก็ถือว่าทำได้ดี
เรื่องประกันเจ้าของกระทู้ก็ถือว่าลงทุนมากพอสมควร คิดเป็น 30% ของทรัพย์สินรวมเลยทีเดียว โดยเจ้าของกระทู้คิดจะลงทุนเพื่อออมในระยะยาว ไม่ได้คิดที่จะเวนคืนกรมธรรม์อย่างแน่นอน ที่สำคัญด้วยความที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ต้องการประหยัดภาษี จึงเลือกทำประกันแบบระยะยาวเพื่อให้สามารถนำเงินกรมธรรม์มาหักลดหย่อนภาษีได้ทุกปี มีบางความเห็นที่เข้ามาติงเรื่องประกันที่ดูเหมือนจะมีสัดส่วนมากเกินไป แต่เจ้าของกระทู้ก็ให้เหตุผลในเรื่องของความมั่นคงและการประหยัดภาษี รวมถึงเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นและกองทุนหุ้นด้วย ซึ่งในความเห็นของผู้เขียนก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
กองทุนรวมก็เช่นเดียวกัน จะเห็นจากในพอร์ตที่เจ้าของกระทู้นำมาแสดงว่าโดยมากเป็นการลงทุนในกองทุนรวม LTF เหตุผลก็เป็นในเรื่องการประหยัดภาษีเป็นหลัก เนื่องจากสามารถนำเงินลงทุนมาหักลดหย่อนได้ทุกปี เจ้าของกระทู้หาจังหวะในช่วงตลาดเป็นขาลงช่วงที่กองทุนรวมมีราคาถูกลงเพื่อเข้าซื้อในช่วงนั้นด้วย และบางกองเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 5 ปีปฏิทินที่สามารถขายคืนได้ เจ้าของกระทู้ก็ไม่ขายคืนก็มี เนื่องจากบางครั้งสถานการณ์ในช่วงนั้นยังไม่ใช่ช่วงที่ดีของตลาดหุ้น ก็รอต่อไปได้
เจ้าของกระทู้ยังได้เริ่มลงทุนในกองทุนทองคำเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย ให้มีทรัพย์สินที่หลากหลายมากขึ้นโดยเป็นการเพิ่งเริ่มลงทุน เริ่มเรียนรู้และดูสถานการณ์ไป ในส่วนของเงินสดเจ้าของกระทู้มีไว้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเพราะเป็นส่วนของเงินที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนอะไรมากมาย มีไว้ที่ประมาณ 50,000 บาท เพื่อใช้จ่ายเท่านั้น
เป็นโชคดีที่เจ้าของกระทู้ซึ่งเพิ่งเริ่มทำงานมาแค่เพียง 6 ปี สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งทำได้จริงแถมทำได้ก่อนอีก เก็บเงินครบล้าน ตอนอายุ 28 ปี เท่านั้น ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเจ้าของกระทู้ยังโสด ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก ภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยังไม่มากนัก การวางแผนการเงินต่าง ๆ ก็ทำของแค่ตัวเอง สามารถเก็บเงินลงทุนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีมากที่อยากแนะนำให้คนที่เริ่มทำงานดูไว้และทำตามเพื่อให้เห็นผลสำเร็จมีเงินล้านเนื่องจากช่วงแรกของการทำงานเราไม่มีภาระอะไรมากมาย
จริงอยู่ที่บางความเห็นเข้ามาบอกถึงเรื่องของรายได้ที่บางคนทำไม่ได้หรอก เพราะรายได้ไม่ได้มากเหมือนเจ้าของกระทู้ แถมภาระหน้าที่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยังมากมาย ไหนจะต้องช่วยที่บ้าน ให้พ่อให้แม่ คนที่ทำแบบนี้ได้จริงต้องเป็นคนที่มีรายได้สูงแบบเจ้าของกระทู้เท่านั้น ในความเห็นของผู้เขียนอยากแนะนำแบบนี้ คือ การอ่านประสบการณ์ตรงจากคนอื่นเราคงไม่สามารถทำหรือเป็นเหมือนเขาได้ 100% เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน แต่อยากให้เอาแนวคิดบางอย่างที่เป็นเรื่องที่ดีนำมาใช้กับชีวิตเรา หากรายได้เราน้อย เราก็เริ่มเก็บเงินลงทุนแบบน้อย เป้าหมายเราไม่ต้องสูงถึง 1 ล้านแบบเขา เอา 100,000 บาท หรือ 500,000 บาท ก่อนก็ได้ เก็บออมและลงทุนเท่าที่เราทำได้ เอาแบบดีที่สุดสบายใจเท่าที่เราทำได้ หากต้องช่วยเหลือครอบครัวดูแลพ่อแม่ เราก็ทำหน้าที่ของเราไป การดูแลพ่อแม่ก็เป็นการแสดงความกตัญญูที่ไม่ควรถือเป็นภาระ การคิดดีทำดีก็จะส่งผลดีแก่ชีวิตของเรา ใช้เงินแบบมีเหตุมีผล ไม่เฉพาะตัวเรา บ่มเพาะนิสัยเหล่านี้ให้กับคนในครอบครัว ลูกหลานของเราด้วย