หลายคนคิดว่า ความสำเร็จขึ้นอยู่กับโชควาสนา บางคนคิดว่าความสำเร็จขึ้นอยู่ชาติตระกูล บางคนคิดว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับการศึกษา บางคนคิดว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับเส้นสายและคนวงในที่รู้จัก ที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนมีส่วนในการที่ใครคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ทั้งสิ้น แต่คนธรรมดาทั่วๆไป มีอะไรที่เป็นปัจจัยช่วยให้พบกับความสำเร็จบ้าง คนที่เกิดมาต้นทุนอันน้อยนิด จะสามารถประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า ขอตอบว่าได้แน่นอน ส่วนจะสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่หัวจิตหัวใจของคนคนนั้นด้วยเป็นสำคัญ
สิ่งที่ทำให้เชื่อมั่นว่า คนเราถ้าตั้งใจทำอะไร ทำจริง ย่อมต้องพบกับความสำเร็จ แต่ที่ไม่สำเร็จเพราะล้มเลิกระหว่างทาง บางคนได้แค่คิด แต่ไม่ทำ ก็ไม่มีวันสำเร็จ มีคำกล่าวว่า 100 คนคิด 10 คนทำ 1 คนสำเร็จ เป็นเครื่องยืนได้ได้เป็นอย่างดีว่า คนส่วนใหญ่ได้แค่คิด ไม่เอาจริง เหมือนกับว่าเรื่องคิดนั้นใครๆก็คิดได้ หรือจะพูดจะโม้อย่างไรใครๆก็โม้ได้ แต่จะให้ลงมือทำ คนจะหายไป 90 % ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ ว่าทำไมคนเราคิดแล้วไม่ยอมทำ เพราะการคิดๆฝันๆนั้นทำให้มีความสุข การคิดฟุ้งไปเรื่อยนั้นอาจเป็นการสร้างความหวังเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจตัวเอง มีโปรเจ็คอยู่เต็มหัวไปหมด และรอเวลาให้ทุกอย่างพร้อมถึงจะทำ พอเอาเข้าจริง ความพร้อมนั้นไม่เกิดขึ้นสักที มีข้ออ้างตลอด จึงเหลือคนที่ลงมือทำจริงเพียงแค่ 10 คน จาก 100 คน ถ้าเราเอาข้ออ้างของคนที่คิดแล้วไม่ยอมทำมาเขียนดู จะเห็นได้ดังนี้
ไม่ว่าง ไม่พร้อม ไม่มีทุน ไม่มีทำเล ไม่มีที่ปรึกษา ไม่รู้จะไปหาลูกค้าที่ไหน ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ไม่มีลูกน้อง ไม่มีคนจ้าง ไม่มีคนสนใจ ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่เก่งเรื่องการตลาด ไม่เก่งเรื่องการขาย ไม่อยากเหนื่อย ไม่อยากออกไปพบปะผู้คน ไม่กล้า และสุดท้ายคือกลัวว่าจะไม่สำเร็จ
ทีนี้ลองมาดูว่า 10 คนที่ลงมือทำเขาคิดยังไง
ทีแรกคือกลัวเหมือนกัน แต่เขาก็กล้าที่จะทำ จะได้ไม่ค้างคาใจว่า ครั้งหนึ่งได้ทำตามสิ่งที่คิด ถ้าล้มเหลวก็ถือเป็นบทเรียน หากไม่ว่าง เขาก็ยอมเจียดเวลาจากการนอนให้น้อยลงสักหนึ่งชั่วโมง และบริหารจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็ทำให้มีเวลามาทำในสิ่งที่ตัวเองคิด ไม่รู้จะไปหาลูกค้าที่ไหน หรือขี้อาย และกลัวถูกปฏิเสธ เขาก็ต้องใช้ความกล้าอีกนั่นแหละ ลองที่จะออกไปขาย ไม่มีลูกน้อง เขาก็ลงมือทำเอง ร้อยทั้งร้อยของคนที่คิดทำอะไรในขั้นต้น ต้องลงมือทำด้วยตนเองทั้งนั้น ไม่มีทุน เขาก็หาทางเก็บเงิน หรือหยิบยืมคนอื่นบ้างเล็กๆน้อยๆ เพราะในการเริ่มต้น คงไม่ต้องใช้เงินมากมาย สิ่งที่สำคัญของ 10 คนที่ลงมือทำนี้คือ กลัวน่ะกลัว แต่ความกล้านั้นมากกว่า และเริ่มลงมือทำ
เมื่อ 10 คนทำแล้ว ไม่ได้แปลว่าจะสำเร็จทั้ง 10 คน เพราะความสำเร็จที่คุ้มค่า ย่อมเป็นอะไรที่ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ ส่วนเรื่องง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้ สำเร็จไปก็ไม่ค่อยมีความหมายเท่าไหร่ ปัจจัยที่ทำให้คน 10% หรือคน 10 คนที่ลงมือทำแล้วไม่สำเร็จ ก็เช่น ความอดทน ความหลงใหล ความรักความชอบ เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้คนส่วนใหญ่ก็จะล้มเกลิกกลางคัน เพราะความสำเร็จที่คุ้มค่านั้นใช้เวลาและความพยายามสูง สูงมากๆกว่างานปกติธรรมดาทั่วไป หากใครไม่รักจริง มีหวังท้อแท้และล้มเลิกไประหว่างทางแน่ๆ
จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่ทำให้คนเราไม่ประสบความสำเร็จคือ ข้ออ้างต่างๆนาๆนั่นเอง ที่อ้างมานั้นลึกๆแล้วอาจเป็นเพราะกลัวความล้มเหลว จึงไม่กล้าที่จะเริ่ม หรือกลัวการถูกปฏเสธซึ่งเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของคนเราไม่ที่อยากพบกับความผิดหวัง จึงอ้างนั่นนี่เพื่อจะหลบเลี่ยงไม่ยอมเผชิญหน้า ส่วนคนกลุ่มหนึ่งที่ลงมือทำ เขาก็มีความกลัวเหมือนคนทั่วไป แต่ก็มีความกล้าที่จะลองเสี่ยงดูมากกว่า ส่วนปัจจัยที่ทำให้ 10 คนนี้ไปไม่ถึงจุดหมายอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้รักในสิ่งที่ทำ ไม่หลงใหลที่จะอยู่กับมันได้ตลอดเวลา ทำให้ระหว่างเส้นอันยาวไกลของจุดหมาย คนเหล่านี้จึงล้มเลิกละทิ้งความฝันกลางคัน สรุปว่าคนที่จะประสบความสำเร็จ ต้องกล้า ยืนหยัด หลงใหล และยอมตายไปพร้อมกับความฝัน ซึ่งไม่ใช่ใครๆก็จะทำได้ เพราะฉะนั้น คำกล่าวที่ว่า 100 คิด 10คนทำ 1คนสำเร็จ ก็จะยังคงเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องอยู่เสมอ