เรื่องของการจัดการด้านการเงินส่วนบุคคลนั้นเป็นเรื่องที่น่าจะบรรจุลงในหลักสูตรให้เรียนกันตั้งแต่เด็ก เพราะว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เข้าใจว่าหลักสูตรใหม่ ๆ จะเริ่มการเรียนรู้ให้มากขึ้นกว่าสมัยก่อนที่เป็นมา ดังนั้นการศึกษาความรู้ด้านการจัดการเงินเพิ่มเติมก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้มีความสามารถด้านการเงินเพิ่มขึ้น
การเงินเป็นเรื่องของอารมณ์และเหตุผลผสมกัน ความรู้ด้านการเงินจึงมีทั้งสองแนวทางทั้งการปรับสมดุลด้านทัศนคติและด้านเทคนิคการจัดการ ถ้ากวาดตามองแผงหนังสือชั้นนำ จะพบว่ามีหนังสือการเงินอยู่หลายเล่มที่ออกมาวางขาย ทั้งด้านหลักการแนวคิด และการลงรายละเอียดแบบเจาะลึกในด้านการลงทุนแบบต่าง ๆ ในบทความนี้จะได้กล่าวแนะนำถึงหนังสือสองเล่มที่มีแนวทาง ใช้เงินให้รวย ที่ชัดเจนและติดอันดับหนังสือที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีการแปลออกไปในหลายภาษาซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ให้คนทั่วไปได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับแนวความคิดด้านการจัดการเรื่องเงินและการลงทุนส่วนบุคคล
ความสำคัญของหนังสือทั้งสองเล่มนี้อยู่ที่การยกตัวอย่างเรื่องราวที่อ่านง่าย มีหลักการที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้ทันที ไม่จำกัดว่ากำลังมีรายได้อยู่ที่เท่าใดก็เข้าข่ายที่ต้องมีความรู้ในการบริหารการเงินส่วนบุคคล ดังที่จะแนะนำในลำดับต่อไป
เล่มแรกก็คือ The Richest Man in Babylon by George S. Clason
หนังสือไทยชื่อว่า “เศรษฐีชี้ทางรวย” ตั้งชื่อได้น่าสนใจมาก แปลเป็นภาษาไทยโดยคุณวรรธนา วงษ์ฉัตร สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือเล่มนี้อาจจะเป็นเรื่องเดียวที่เป็น How to ด้านการเงินที่ถูกทำออกมาในรูปแบบของนวนิยาย ทำให้ดูน่าอ่านและเข้าถึงกลุ่มคนได้ทุกระดับตั้งแต่เด็ก ๆ ถึงผู้ใหญ่ทีเดียว ความที่เป็นนิยายเป็นตอน ๆ ทำให้ดูมีความน่าติดตาม ด้วยการเดินเรื่องของบุคคลสมมติในหนังสือและสถานที่ท้องเรื่องที่ย้อนยุคไปในสมัยโบราณคือกรุงบาบิโลน ซึ่งเป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้า การซื้อขายใช้เหรียญทองคำและเงินแท่ง เรื่องราวมีความน่าอ่านและมีแง่คิดให้ผู้อ่านได้ตีความเอง มีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างเช่น เรื่องของลูกชายของเศรษฐีผู้มั่งคั่งเปรียบเหมือนคนที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี แต่ถ้าไม่ได้มีความรู้การจัดการเงินทองแล้ว ต่อให้มีทุนมากมายแค่ไหน ก็อาจจะเสียมันไปได้ง่าย ๆ จากความไม่รอบคอบหรือการเลือกหุ้นส่วนไม่เป็น จนมีกฎแห่งทองคำเป็นหลักให้คนนำไปใช้ดูกันว่าทำอย่างไรจึงจะหาทองคำมาได้มาก ๆ และทำอย่างไร ทองคำที่มีอยู่จะไม่สูญหายไป ในหนังสือ ผู้อ่านจะได้พบเรื่องราวแนวคิดของบุคคลที่มีความมั่งคั่งและแนวคิดของคนที่กำลังตกระกำลำบาก การแสวงหาทางออกเพียงหนึ่งเดียวคือการลงมือทำอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องมีความรู้การจัดการด้านการเงินที่ถูกต้องเช่นกัน
โดยเฉพาะคนที่เป็นหนี้มาก ๆ อย่างตัวละครตัวหนึ่งที่มีเจ้าหนี้มากมาย อีกทั้งยังต้องเลี้ยงดูครอบครัวด้วย เนื้อเรื่องในหนังสือทำให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมไปกับตัวละครและคิดว่าตัวละครจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างไร ซึ่งสุดท้ายตัวละครก็พบทางออกของปัญหา และไม่ใช่การหนีหนี้แบบ “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” อย่างที่หลายคนทำกัน แต่เขากลับสู้ไปตามความสามารถที่มี ทำงานอย่างขยันและสร้างระเบียบวินัยการใช้เงิน ทำให้สุดท้ายสามารถปลดหนี้ได้และยังมีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้นด้วย เรื่องของเงินเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้การจัดการอย่างแท้จริง เงินทองหามาก็ต้องใช้ความรู้ การใช้เงินที่หามาได้อาจจะยิ่งสำคัญกว่า เพราะถ้าใช้ไปอย่างไม่ระมัดระวัง เงินที่หามาได้นั้นก็อาจจะสูญเปล่า เช่น ปัจจุบันมีหลายคนที่นำเงินเก็บตัวเองไปลงทุนกับบุคคลหรือบริษัทที่เพิ่งรู้จักเพราะหวังจะได้กำไรมาก ๆ จากการลงทุน แต่สุดท้ายก็พบว่ามีการหลอกลวง ทำให้เสียเงินทุนไปมากมาย บางคนกู้หนี้ยืมสินนอกระบบมาลงทุนก็ยิ่งเป็นภาระเดือดร้อน สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อน แม้จะเป็นนิยายกะทัดรัดเล่มเล็ก ๆ แต่อัดแน่นด้วยความรู้ที่สอดแทรกกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ตามท้องเรื่อง ถ้าคุณคิดอยากเป็นคนรวย ต้องไม่พลาดหนังสือเล่มนี้
เล่มที่ 2 คือ Secrets of the Millionaire Mind by T. Harv Eker
หนังสือไทยชื่อว่า “ถอดรหัสลับ สมองเงินล้าน” แปลโดยคุณพูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ และ คุณบุญศรี ศรีบุญรัตนชัย สำนักพิมพ์วีเลิร์น แต่เดิมคนไทยคุ้นชินกับหนังสือที่แนะนำเรื่องการสั่งจิตใต้สำนึกหรือการจินตนาการถึงความร่ำรวยมั่งคั่ง ซึ่งผู้เขียนก็ได้ทำอย่างนั้นเช่นกัน แต่แล้วก็พบว่ายังไม่ใช่ทางออก สิ่งที่สำคัญก็คือต้องมีแนวความคิดและทัศนคติที่เหมาะสมด้วย แน่นอนการคิดถึงความร่ำรวยและมั่งคั่งนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่เสียหายแต่จะไม่มีประโยชน์ถ้าขาดหลักการคิดและทำแบบที่คนรวยทำ ผู้เขียนเชื่อว่าการที่คนเรามีสถานะการเงินอย่างไรนั้นจะต้องมีเหตุผลและที่มาเสมอ เช่น ประสบการณ์วัยเด็กที่เห็นภาพคุณพ่อคุณแม่ปฏิบัติเรื่องการใช้เงินอย่างไร หรือความเชื่อที่ฝังใจมาจากการรับฟังแนวคิดจากคนอื่น ๆ จนกระทั่งสิ่งเหล่านั้นกลายมาเป็นเงื่อนไขควบคุมความคิดและชีวิตทางการเงินในปัจจุบันโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนได้แนะนำทางออกที่แยบคายอย่างยิ่ง
ถ้าใครอยากเป็นคนรวยก็ต้องรู้ว่าคนรวยเขาคิดและทำอย่างไร ซึ่งจะแตกต่างจากสิ่งที่คนจนคิดและทำ เหมือนหน้ามือกับหลังมือ ซึ่งเขาไม่ได้ดูถูกว่าความคิดและสิ่งที่คนจนทำนั้นไม่ดี เพียงแต่ให้ผู้อ่านได้รู้ว่ามีแนวคิดในการจัดการที่แตกต่างกันเท่านั้น ยกตัวอย่างเรื่องแนวคิดของคนจนที่ขอรับเงินค่าจ้างจำนวนคงที่ตามระยะเวลา แต่คนรวยชอบที่จะรับเงินรายได้ตามผลงานที่ทำได้ หรืออย่างแนวคิดที่ว่าคนจนแค่อยากรวย แต่คนรวยทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อสร้างความรวยขึ้นมา ผู้เขียนได้แนะนำแนวคิด 17 ประการที่ทำให้คนรวยและคนจนมีฐานะที่แตกต่างกัน การปรับเปลี่ยนทัศนคตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ดังนั้น การมีหนังสือเพื่อสรุปและชี้ชัดให้เห็นว่าความคิดใดที่จะนำไปสู่ฐานะการเงินที่มั่งคั่งกว่าจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ จากนั้นผู้อ่านก็ต้องค่อย ๆ ปรับแนวคิดและลงมือทำฝึกฝนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกรอบความคิดได้เปลี่ยนแปลงไปในแบบฉบับของคนรวย หนังสือเล่มนี้เน้นแนวทางที่ปฏิบัติได้จริง แต่ละบทมีเนื้อหาชวนอ่านและมีข้อสรุปและสิ่งที่ต้องทำเป็นข้อ ๆ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปใช้ได้ทันทีที่อ่านจบในแต่ละบท
การสร้างเสริมความรู้ด้านการเงินเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องทำอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องที่น่าดีใจที่มีกูรูทางการเงินได้เขียนหนังสือออกมาแนะนำวิธีการด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ หนังสือเป็นเหมือนเข็มทิศที่ช่วยชี้ทางและเป้าหมาย แต่การจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่ที่การลงมือทำและการประยุกต์ใช้เป็นสำคัญ เพราะในชีวิตคนเราแต่ละคนก็มีเงื่อนไขด้านการเงินและความพึงพอใจที่แตกต่างกัน การมีหนังสือดีช่วยแนะแนวทางนั้นไม่ควรอ่านเพียงครั้งเดียว เพราะว่าคนเรามีหลายเรื่องต้องเผชิญแต่ละวันและลืมง่ายด้วย จึงต้องหยิบมาอ่านเพื่อทบทวนบ่อย ๆ แล้วเป้าหมายที่ต้องการความร่ำรวยและมั่งคั่งก็จะเป็นจริงได้