เมื่อไหร่ก็ตามที่เราสร้างสินค้าสักชิ้น สร้างผลิตภัณฑ์สักตัวหนึ่งขึ้นมา สิ่งที่เราจะทำขั้นต่อไปก็คือการโฆษณาและแน่นอนว่าการโฆษณานี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่เลยล่ะโดยถึงแม้ว่าเราจะมองว่าเพียงแค่ สร้างภาพที่ดูดี ใส่คำแนะนำชักชวน บอกสรรพคุณที่น่าเชื่อถือ พร้อมกับจ้างคนที่น่าเชื่อถือให้โฆษณา ซึ่งนั้นถือว่าเป็นการโฆษณาก็จริงแต่น้อยโฆษณาที่จะประสบความสำเร็จและได้รับการบอกต่อ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ยังมีโฆษณาอีกจำนวนไม่น้อยเลยนะที่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะพวกเขาใช้ 4 จุดอ่อนของผู้บริโภค ให้เป็นประโยชน์ โดย 4 จุดอ่อนของผู้บริโภคก็มีดังนี้
-
ใช้ความสุข ใช้รอยยิ้ม เพื่อดึงดูดผู้บริโภค
แน่นอนว่าความสุขเป็นสิ่งที่หนึ่งที่ได้ผลอย่างมากเลยล่ะที่จะดึงดูดเหล่าผู้บริโภคให้หันมาใช้หรือหันมาสนใจกับสินค้าของบริษัทเรา ซึ่งถ้าหากว่ามีใครสักคนมาทำให้เรามีรอยยิ้ม มาทำให้เราหัวเรา เราจะรู้สึกเป็นมิตรกับสิ่งนั้น รู้สึกว่าสิ่งนั้นปลอดภัย ไม่มีอันตรายและที่สำคัญเมื่อไหร่ก็ตามที่เรานึกถึงความสุข เราก็จะนึกถึงสิ่งที่ทำให้เรายิ้มและการใช้หลักการนี้กับเหล่าผู้บริโภค ก็เป็นเช่นเดียวกัน หากว่าสินค้าของเราทำให้ผู้บริโภครู้สึกสนุก รู้สึกยิ้มได้ พวกเขาเหล่านั้นก็จะนึกถึงเราเวลาพูดถึงความสุขนะ
ความสุขนั้นเป็นสิ่งที่มักจะมีการส่งต่อ บอกต่อกันมากที่สุด เราสามารถสังเกตได้จากบน Facebook บนโลกโซเชียลต่างๆที่ได้มีการแชร์ข้อความขำๆ แชร์คลิปฮาๆ แชร์โฆษณาตลกๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่สิ่งเหล่านั้นได้ถูกแชร์ในครั้งแรกในที่ไหนสักที่แล้วก็ได้มีคน แน่นอนว่ามีโอกาสอย่างมากเลยล่ะที่สิ่งเหล่านั้นจะถูกแชร์ออกต่อไปเรื่อยๆ ซึ่ง New York Times ก็ได้พบว่าข้อความที่ส่งผลต่อผู้อ่านในด้านบวก เป็นข้อความที่ถูกส่งต่อกันเยอะมากที่สุด ฉะนั้นแล้วถ้าหากเมื่อไหร่ก็ตามที่เราสร้างผลิตภัณฑ์ของเราให้มีความสุข อาจจะใช้โฆษณาเป็นตัวช่วยหรืออาจจะสื่อช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นดูสนุก รับรองได้ว่าจะมีคนที่ชอบและแชร์ต่อไม่น้อยเลย
-
ความเศร้า ซาบซึ้งกินใจ
เคยหรือเปล่าล่ะ เวลาที่เราอ่านข้อความอะไรสักอย่างหนึ่งแล้วเรารู้สึกซาบซึ้ง รู้สึกถึงความเศร้าหรือรู้สึกอะไรสักอย่างที่สะเทือนอารมณ์แล้วเราจะกดแชร์หรือบอกต่อให้คนอื่นๆได้รับรู้ โดยเฉพาะข้อความซึ้งๆในช่วงวันแม่ ที่เราจะเห็นคนแชร์บทความต่างๆที่เกี่ยวกับแม่จำนวนไม่น้อยเลยล่ะ เพราะพวกเขาเหล่านั้นอยากจะบอกเรื่องราวดีๆเหล่านี้ บอกเรื่องราวซึ้งๆให้คนอื่นได้อ่าน
ซึ่งในทางการตลาดนั้น ความซาบซึ้งเป็นสิ่งหนึ่งที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมเมื่อทำเป็นโฆษณา และช่วงหลังๆมานี้ก็มีแบรนด์ต่างๆมากมายหลายแบรนด์ที่ได้สร้างโฆษณาที่ทำให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้ง มีแรงบันดาลใจ อย่างเช่นบริษัทประกันชีวิตจากประเทศฮ่องกง ที่สร้างโฆษณาที่เล่าถึงเรื่องราวความรักที่ลูกสาวมีต่อพ่อ แน่นอนว่าพ่อมีความสุขไม่น้อยเลยล่ะแต่แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็หักมุม ทำร้ายจิตใจคนดูเมื่อลูกสาวนั้นได้เล่าถึงสิ่งที่พ่อโกหกเธอ และเราจะสามารถเห็นโฆษณาที่ซึ้งกินใจต่างๆได้มากตามโฆษณาประกันชีวิตทั้วไปนะ
-
ความกลัว ความหวาดผวา
เคยหรือเปล่าล่ะที่เรารู้สึกตระหนักถึงอะไรสักอย่างของชีวิต จนต้องเลิกหรือซื้อสิ่งของบางสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจ โดยส่วนใหญ่แล้ว สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ความรู้สึกกลัวหรือความหวาดผวาในการโฆษณา ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นโฆษณาที่ทำให้เรารู้สึกตะหนักถึงชีวิต ถ้าเราไม่เลิกทำแบบนี้ ชีวิตของเราจะสั้นลงอย่างเช่นโฆษณารณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ หรืออย่างเช่นโฆษณาประกันของบริษัท Nationwide ที่ได้สร้างโฆษณาที่ให้ทุกคนใส่ใจกับประกันของลูกน้อย ซึ่งภายในโฆษณาก็ได้เล่าถึงเด็กชายคนหนึ่งที่มีความฝันมากมาย แต่ความฝันเหล่านั้นก็ถูกทำลายเพราะเขาตายจากอุบัติเหตุ แน่นอนว่ามันได้ผลดีเกินคาดเลยล่ะแต่ก็ไม่ค่อยมีใครคิดจะทำสักเท่าไหร่
-
ความโกรธ ความรู้สึกอยากเอาชนะ
หากเราโดนดูถูก โดนเยอะเย้ย แน่นอนว่าเราอาจจะรู้สึกอยากจะชนะคำดูถูก คำเยาะเย้ยเหล่านั้น และเราก็เริ่มที่จะลุกขึ้นมาเพื่อทำอะไรบางอย่างให้กับตัวเองเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วโฆษณาแนวนี้มักจะทำให้ผู้ดูนั้น เริ่มหันมาตั้งคำถามให้กับตัวเอง ทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมาว่าเหมาะหรือเปล่า ควรที่จะทำมากน้อยแค่ไหน อย่างเช่นโฆษณาที่ชื่อ Always’ Like a Girl ที่ได้รับรางวัล Emmy Award ในเทศกาล Cannes Lions International Festival of Creativity ที่เป็นงานประกาศรางวัลโฆษณาระดับโลก ภายในโฆษณานั้นได้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่คับแคบของสังคมที่มองผู้หญิง ว่าผู้หญิงนั้นค่อนข้างอ่อนแลและเหยาะแหยะ และสุดท้ายก็จบโฆษณานั้นด้วยการพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนผู้ชาย
ถ้าหากว่าเราเลือกใช้สิ่งต่างๆเหล่านี้ในการโฆษณา แน่นอนว่ามันมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและเกิดการบอกต่อมากกว่าการทำโฆษณาเป็นภาพธรรมดาๆพร้อมบอกสรรพคุณนะ อีกทั้งในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สามารถแบ่งปันและเล่าเรื่องราวต่างๆที่เราเจอได้อย่างรวดเร็ว รับรองได้ว่าถ้าหากโฆษณาไหนถูกใจคนดู พวกเขาจะแชร์และบอกต่อให้เราโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรมากเลย