มนุษย์คือสัตว์สังคมที่รักการสื่อสาร ความพยายามของคนเราในการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ขึ้นมาก็เพื่อให้เราสามารถติดต่อพูดคุยกันได้ง่าย, รวดเร็ว และ สะดวกมากขึ้น มนุษย์นักคิดช่วยกันปลดเงื่อนไขของเวลาและสถานที่ออกเพื่อให้เรารับรู้เรื่องราวของอีกคน
ย้อนกลับไปสมัยกว่า 20 ปีที่แล้ว วัยรุ่นในยุคนั้นใครไม่มีเพจเจอร์คงล้าสมัยกันมาก เพจเจอร์คือการฝากข้อความหาคนอีกคนผ่าน Call Center แล้วข้อความที่เราต้องการบอกเขาก็จะไปปรากฎบนหน้าจอเพจเจอร์ของอีกฝ่าย ถัดมาไม่นานการมีโทรศัพท์มือถือไว้พูดคุยติดต่อได้ทุกเวลาก็เคยเป็นความพอใจของคนในสมัยนั้น ถัดมาเทคโนโลยีก็พาให้เราได้เรียนรู้ว่าโทรศัพท์สามารถทำอะไรได้มากกว่าแค่พูดคุย เราเริ่มใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปได้ ถึงขนาดที่มีมุขจีบสาวในช่วงนั้นออกมาว่า “หน้าตาดี มีรถขับ โทรศัพท์ถ่ายรูปได้” สร้างเสียงเฮและเป็นกระแสที่ใคร ๆ ก็คิดว่าโทรศัพท์ถ่ายรูปได้คือดีงามมาก ๆ แล้ว แต่ด้วยความพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งของนักคิดนักสร้างสรรที่ขนเอาไอเดียต่าง ๆ มาป้อนและปั้นออกมา เช่นเดียวกันกับความก้าวหน้าทางการสื่อสารที่แต่ก่อนเราพิมพ์ข้อความหากันผ่านโทรศัพท์มือถือ และร้านค้าก็แนะนำบริการและโปรโมชั่นผ่าน SMS เข้ามือถือ ซึ่งก็มีทั้งค่าใช้จ่ายในการส่ง SMS แต่ละครั้งและก็ยังมีการจำกัดจำนวนตัวอักษรที่ส่งอีกด้วย
โลกการสื่อสารได้รู้จักกับการแชทออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ Blackberry ข่ายมือถือรายใหญ่เปิดฟังก์ชั่นเก๋ ๆ BBM โปรแกรมการสื่อสารที่มาพร้อมกับ Pin เฉพาะของเครื่อง ทำให้การส่งข้อความคุยกันทั้งในและต่างประเทศสามารถทำได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ต้องสื่อสารระหว่าง BBM ด้วยกันเท่านั้น ต่อมาไม่นานโจทย์การสื่อสารนี้ก็ถูกแก้ออกด้วย แชทแอพอย่าง Whatsapp ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการที่เอื้อต่อการทำงานในระบบ Android, iOS และ Window Phone และยังมีจุดเด่นเพิ่มเข้ามาอีกนิดด้วยฟังก์ชั่นโทรศัพท์ออกผ่านแอพไม่เสียตังค์เพิ่มอีกด้วย
ต่อยอดธุรกิจตลาดแชทที่แรงดีไม่มีตกด้วยการเปิดตัวของ แชทแอพ สัญชาติญี่ปุ่น LINE ที่ออกตัวได้น่าสนใจกว่าใคร เพราะนอกจากจะทำงานได้อย่าง Whatsapp แล้วยังมีฟีเจอร์สนุก ๆ อย่างสติ๊กเกอร์เพิ่มอรรถรสการสนทนา, ส่งวีดีโอ หรือ ส่งเสียงเป็นคลิปไปก็ได้อีกด้วย ทำให้ LINE พลิกกระดานขึ้นมาเป็นแชมป์ภายใต้การบริหารงานของ Naver ประเทศญี่ปุ่น ด้วยยอดผู้ใช้งานในประเทศไทยที่พุ่งสูงเกิน 29 ล้านคนไปแล้ว และกลายเป็นแชทแอพที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดอีกด้วย ถัดมาอีก 2 ปี บริษัท Tencent ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิรซ์จากประเทศจีนได้จับมือกับสื่อออนไลน์อย่าง sanook.com ส่ง WeChat ลงสู้ศึกหวังสร้างเรทติ้งในไทยดูบ้าง แต่ฟีเจอร์ต่าง ๆ และลูกเล่นที่ไม่ต่างจาก LINE มากนักส่งผลให้ WeChat ในวันนั้นยังไม่จี๊ดถึงใจผู้ใช้งานในประเทศไทยสักเท่าไร และถ้ายังไม่สามารถตีโจทย์นี้แตก ก็เห็นจะยากที่จะฝ่ากองทัพ แชทแอพ รายอื่น ๆ ไปได้
ดังนั้นเพื่อจะอยู่รอดในศึกครั้งนี้บวกกับทุนเงินที่แน่นจากกองทัพ Tencent ทำให้ WeChat เตรียมงัดกลยุทธ์เด็ดด้วยสติ๊กเกอร์ที่ออกแบบโดยนักวาดภาพดาวรุ่ง 15 คนเพื่อหวังเรียกความสนใจจากผู้ใช้งานและตัดสินใจเปิด Official Account ฟรีสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ แลกกับการจัด Cross Promotion ให้แบรนด์ต่าง ๆ ได้ใช้ช่องทาง WeChat เป็นประตูส่งข่าวสารซึ่งจะต่างจากของ LINE ที่เน้นให้ Official Account ใช้สติ๊กเกอร์เป็นหลัก ตัวอย่าง Official Account จากกรณีของเครื่องดื่มช้างที่เพิ่มช่องทางให้ลูกค้าสั่งเครื่องดื่มให้มาส่งผ่าน WeChat ได้ไม่ต้องสื่อสารผ่าน Call Center เพียงอย่างเดียว ทำให้ตอนนี้ WeChat สามารถหา Official Account มาร่วมพลังได้มากกว่า 60 – 70 แบรนด์แล้ว จากอัตราการเติบโตของสื่อสังคมออนไลน์ที่บูมมากและมีมูลค่าทางตลาดเป็นหลักหมื่นล้าน พาเหรดแชทแอพจึงกระหน่ำเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งรายสัญชาติสิงคโปร์ชื่อ BeeTalk ที่เพิ่งเคาะประตูเข้ามาเมื่อต้นปี 2015 นี้เอง ด้วยการเลือกเปิดจุดขายฟีเจอร์ช่วยหาเพื่อนใหม่ เพื่อให้เป็นแอพที่ดูแตกต่างจากเจ้าตลาดไปบ้าง แต่กลับเสียเหลี่ยมคะแนนติดลบเพราะถูกมองว่าเป็น “แอพหาคู่” ทำให้ BeeTalk ต้องรีบแก้เกมส์เปลี่ยนแผนการตลาดมาชู “ฟีเจอร์คลับ” ซึ่งก็คือการหากลุ่มเพื่อนที่ชื่นชอบอะไรคล้าย ๆ กัน เช่น กลุ่มคนรักทำอาหาร, กลุ่มคนรักกล้อง หรือ กลุ่มคนรักอูคูเลเล่ พร้อมกับใช้พรีเซ็นเตอร์คนดังอย่าง สิงโต นำโชค และ คิมเบอร์ลี่ มากระตุ้นความสนใจ แต่งานนี้เห็นที Bee Talk คงต้องรอเวลาเก็บผลสักหน่อย เพราะภาพแรกที่คนไทยจดจำได้ก็คือ “แอพหาคู่” ไปแล้วค่ะ
และเร็ว ๆ นี้ก็มี แชทแอพ สัญชาติเกาหลี เข้ามาหวังสร้างฐานที่มั่นในไทยเพิ่มอีกหนึ่งราย คือ Kakao Talk โดยเลือกจับเส้นคนไทยที่คลั่งไคล้ซีรีย์เกาหลีและฟังเพลงเคป็อบ ด้วยฟังก์ชั่นเก๋ ๆ เอาใจคนรักโอปร้าผ่านการอัพเดทเรื่องราวข่าวสารแวดวงศิลปินเคป็อบกันแบบอินไซด์ บวกกับสติ๊กเกอร์ดุ๊กดิ๊กพูดได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และไม่ต้อง add official account ให้รกตารำคาญใจ แถมยังมาพร้อมกับลูกเล่นที่ให้พื้นหลังของสติ๊กเกอร์นั้นผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ข้อความลงไปได้ ให้ความรู้สึกว่าเป็นข้อความพิเศษเฉพาะคนได้อีกด้วย
ปัจจุบันคนไทยใช้เวลากับโทรศัพท์มือถือเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน นี่อาจจะเป็นเหตุให้ขุนศึกทั้ง 5 มุ่งจะเอาชนะศึกครั้งนี้ แต่คิดดูดี ๆ กลุ่มแชทที่มีอยู่ตอนนี้ คนไทยยังตามคุยกันแทบไม่ทัน จะดาวน์โหลดเพิ่มกันอีกจริงหรือ ?