การมีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ ทุกอย่างต้องใช้เงินซื้อหามาด้วยกันทั้งสิ้นดังคำกล่าวที่ว่า “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข”
แต่หากเงินที่ได้รับจากงานประจำไม่เพียงพอกับการใช้จ่ายในแต่ละเดือน คุณจะทำอย่างไร? หลายคนหันไปหยิบยืมเงินจากเพื่อน กู้เงิน จำนำจำนองทรัพย์สิน หรือการใช้บัตรเครดิตเอาเงินมาใช้ล่วงหน้า จึงเกิดเป็นหนี้สินขึ้นมาเมื่อมีหนี้เราจำเป็นต้องหักรายได้บางส่วนมาชำระหนี้ทุกเดือน รายรับเท่าเดิม แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น คุณรู้สึกเบื่อเหตุการณ์เหล่านี้บ้างหรือไม่ แล้วถามตัวเองบ้างไหมว่า เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากวังวนนี้ได้เสียที
คนกลุ่มหนึ่งมีหนี้สิน ไม่มีเงินเก็บเพราะหามาเท่าไหร่ก็ใช้หมดแถมยังอยากได้นั่นได้นี่ อยากใช้เงินมากกว่าอยากทำงานหนี้สินจึงท่วมหัว บางคนไม่มีหนี้ แต่ไม่มีเงินเก็บเช่นกันเพราะยังไม่คิดถึงอนาคต ส่วนใหญ่เป็นวัยเพิ่งเริ่มทำงานยังมีความต้องการสูงจึงใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ผิดกับคนบางกลุ่มที่ไม่มีหนี้สินแถมยังมีเงินเก็บสม่ำเสมอทุกเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีวินัยในการใช้เงินอย่างยิ่ง ยอมลำบากวันนี้ สบายวันหน้า ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ทั้งยัง เตรียมลงทุนให้เงินทำงานโดยที่ไม่ต้องลงแรง ซึ่งเป็นวิธีของคนที่มีเงินเก็บพอสมควรแล้ว คนกลุ่มไหนที่คุณกำลังเป็นหนี้อยู่ หรืออยากจะเป็นหนี้ในอนาคต ถ้าก่อหนี้ได้ก็ต้อง ปลดหนี้ ให้เป็น
อ่านเพิ่มเติม >> มาเริ่มยุทธการ ปลดหนี้ กันเถอะ ! <<
ในบทความนี้จึงมีวิธีการ ปลดหนี้ อย่างสร้างสรรค์ มากำจัดอุปสรรคขัดขวางความมั่งคั่งในอนาคตของคุณให้หมดไปกันดีกว่า
ปลดหนี้ สินอย่างเฉียบขาดใน 5 ขั้นตอน
- สำรวจหนี้ ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
ถ้าคุณอยากเป็นคนใหม่ที่ไร้หนี้ คุณต้องยอมรับความจริงให้ได้ก่อนว่าคุณกำลังเป็นหนี้และทำการสำรวจหนี้ทั้งหมดว่ามียอดเท่าไหร่ ดูระยะเวลาในการชำระว่าเป็นหนี้สินระยะสั้น หรือหนี้สินระยะยาว จากนั้นจัดลำดับความสำคัญของหนี้แต่ละก้อนรวมไปถึงทำบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเอง เพื่อจะได้ทราบว่าเราสามารถลดรายจ่ายตรงไหนได้บ้าง และนำเงินส่วนนี้ไปชำระหนี้เพิ่มเติมในกรณีที่มีหนี้จำนวนมากเกินไปอาจรวบรวมทรัพย์สินที่สามารถแปรสภาพเป็นเงินสดได้เพื่อนำไปชำระหนี้ในเบื้องต้นก่อน เป็นการลดภาระหนี้สินให้เบาลง
- เปลี่ยนทัศนคติ ชีวิตก็เปลี่ยน
เมื่อรับรู้ว่าตัวเองเป็นหนี้ จากนั้นคุณควรปรับทัศนคติเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แม้หนี้สินจะหนักหนาเพียงใดอยากให้คุณเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ ต้องมั่นใจว่าคุณจะปลดหนี้ได้ หากเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินเสียใหม่ ฝึกวางแผนเพื่อ ปลดหนี้ อย่างเป็นระบบและต้องไม่สร้างหนี้สินใหม่โดยเด็ดขาด แน่วแน่แก้ไขในสิ่งที่ทำผิดไปจนกว่าจะ ปลดหนี้ ให้หมดเป็นศูนย์ การยอมรับปัญหาจะช่วยให้จิตใจของเราปล่อยวางลงได้ชั่วขณะและสามารถใช้ปัญญาหาทางออกได้ในที่สุด แทนมัวจมกับความรู้สึกผิดน้อยใจชีวิต สู้เอาเวลามา แก้ปัญหามองโลกในแง่ดีและหาโอกาสให้เจอ ชีวิตที่ติดหนี้ก็คงผ่อนคลายความทุกข์ได้ไม่ยาก
3. หารายได้เสริม
แม้จะพยายามควบคุมรายจ่ายแล้ว หากยังไม่เพียงพอ คุณอาจลองมองหาอาชีพเสริม การทำงานหนักขึ้นย่อมหมายถึง รายได้ที่เพิ่มขึ้นด้วย แม้ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากสักหน่อยในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ แต่ขอให้คุณใช้ความอดทนให้มาก การทำโอทีเพิ่มจากงานประจำที่ทำอยู่ รับงานฟรีแลนซ์ หรือทำธุรกิจขายของออนไลน์ สำหรับคนที่มีความสามารถในการทำขนม ทำอาหารขายตามกระแสรักสุขภาพ หรือรับออเดอร์แล้วขายส่งให้ร้านค้า นี่เป็นเพียงหนึ่งช่องทางทำกินของคนที่ไม่เลือกงาน ไม่มีใครอยากทำงานหนักทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำคงเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นที่เราต้องใช้ความอดทนมากสักหน่อย แต่มันแสนคุ้มค่าและเป็นความสำเร็จที่หอมหวานเหลือเกินในวันที่คุณ ปลดหนี้ ได้ทั้งหมด ไม่แน่ว่าคุณอาจใช้เวลาไม่ถึงปีด้วยซ้ำไป
4. ลดค่าใช้จ่าย – เปลี่ยนวิถีชีวิต
เมื่อคุณมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการทำอาชีพเสริมแล้ว ลำดับต่อไปขอให้คุณเริ่มวางแผนลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ จากเคยซื้อแบบไม่คิด ลองเปลี่ยนเป็นการให้รางวัลตัวเองช้อปปิ้งได้แค่เดือนละ 1 ครั้ง รวมไปถึงกิจกรรมเพื่อความบันเทิงต่าง ๆ เช่น ดูหนัง ทานข้าวนอกบ้าน แฮงค์เอาท์กับเพื่อน เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถควบคุมได้ทั้งสิ้น หากคุณรับรู้สภาพทางการเงินของตัวเองว่าไม่ดีเท่าไหร่นัก ควรปรับชีวิตไม่ให้ติดหรูเกินไป บางครั้งชีวิตที่เรียบง่าย เช่น จัดบ้านในวันหยุด หรือทำอาหารเมนูใหม่ ๆ ให้แฟนช่วยชิมอาจเป็นแนวทางการดำรงชีวิตที่ทำให้คุณมีความสุขได้อย่างน่าประหลาดใจ
5. วางเป้าหมายเพื่อความมั่นคงในชีวิต
ขั้นตอนสุดท้ายคือมองการณ์ไกล แต่ไม่กดดันตัวเองจนเกินไปนักกับการทำความฝันให้เป็นจริง เมื่อหนี้สินเริ่มน้อยลง เงินเก็บมีมากขึ้นช่วงนี้ขอให้คุณแน่วแน่กับเป้าหมาย เช่น ที่เคยทำเสมอมาอย่าเอาเงินไปใช้ด้วยนิสัยแบบเดิมอีก การมีเงินออมคือก้าวแรกสู่ความมั่นคงแห่งชีวิตการสร้างเงินออมเกิดขึ้นได้ 2 วิธีคือ การเพิ่มรายรับและการลดรายจ่าย ซึ่งเราได้แนะนำไปแล้วในขั้นตอนก่อนหน้านี้ คุณควรตั้งเป้าหมายการออมสั้น ๆ เช่น ตั้งใจว่าจะเก็บเงินเดือนละ 1,000 บาท ในเวลาหนึ่งปีคุณจะมีเงินเก็บ 12,000 บาท หากมีรายได้เพิ่มขึ้นก็สามารถเก็บเพิ่มได้อีก ขึ้นอยู่กับรายรับและรายจ่ายของแต่ละคน
หวังว่าคุณจะสามารถนำทั้ง 5 ขั้นตอน ไปปรับใช้กับตัวเองได้บ้างไม่มากก็น้อย แล้วคุณจะรู้ว่าการไม่เป็นหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐที่สุดแล้ว