รู้หรือยังว่า ในปี 2561 หากคุณท่องเที่ยวใน 55 จังหวัดนี้ สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้มากถึง 15,000 บาท เลยทีเดียว แล้วมีจังหวัดไหนบ้าง มาเช็คดูกันเลย
กระตุ้นรายได้ กระจายสู่ท้องถิ่น
จากสถิติการท่องเที่ยวในปี 2560 ที่ผ่านมา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า
- ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 34,331,185 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 8.51 สร้างรายได้กว่า 1,764,957.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.04
- ส่วนนักท่องเที่ยวไทยมีจำนวน 152 ล้านคน/ปี (1 คนเที่ยวได้มากกว่า 1 ครั้ง/ปี) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.39 สร้างรายได้กว่า 9.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.93
อย่างไรก็ดี แม้รายได้จากการท่องเที่ยวจะมากขึ้นจากปีก่อน แต่การท่องเที่ยวก็ยังคงกระจุกตัวอยู่ในเมืองหลัก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเกิดแนวคิดพัฒนาภาคการท่องเที่ยวไทยให้กระจายตัวสู่เมืองรอง และเน้นการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้มากขึ้น จึงจัดแคมเปญ “Amazing Thailand Go Local หรือ เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต” โดยให้นำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2561
หลักเกณฑ์ในการลดหย่อนภาษี
สำหรับหลักเกณฑ์ในการลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวเมืองรอง สามารถใช้ได้ 2 ส่วน คือ
- บุคคลธรรมดา สามารถนำค่าใช้จ่ายจากค่าที่พัก โรงแรม โฮมสเตย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ค่าบริการนำเที่ยว โดยผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สำหรับการเดินทาง (ไม่รวมค่าอาหาร) มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท โดยนำใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบหรือใบเสร็จรับเงินมาใช้เป็นหลักฐาน
- นิติบุคคล สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายห้องสัมมนา ห้องพัก ขนส่ง หรือรายจ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนา รวมถึงค่าบริการนำเที่ยว โดยผู้ประกอบธุรกิจนําเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนําเที่ยวและมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนา มาหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า
7 กิจกรรม สุดสนุก เที่ยวทั่วไทย ได้ทั้งปี
สำหรับแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวในแคมเปญนี้ ทาง ททท. ได้แบ่งเป็น 7 กิจกรรม ดังนี้
- Enjoy Local เที่ยวชุมชนได้ลุ้นได้แต้ม โดยจะให้นักท่องเที่ยวนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น Google Local Guide มาวางแผนการท่องเที่ยวและสร้างแรงจูงใจในการใช้จ่ายด้วยตัวเอง เช่น e-Coupon ส่วนลดสินค้าและบริการตลอดเส้นทาง และการสะสมแต้ม TAT Point ผ่านระบบออนไลน์ โดยจะมีการบริหารจัดการ Big Data แบบ Real Time
- SET in the Local กระตุ้นการจัดประชุม สัมมนา และกิจกรรม CSR (MICE) ในเมืองรอง โดยเน้นการเดินทางในวันธรรมดา
- Local Link รวบรวมและคัดกรองชุมชนทั่วประเทศที่มีศักยภาพ และจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวเมืองรอง เช่น เส้นทาง Green เส้นทางจักรยาน และการออกแบบเส้นทางตามไลฟ์สไตล์ใหม่ เช่น เส้นทางงานฝีมือ เกษตรกรรม วิถีชีวิต และอาหาร เป็นต้น
- Eat Local ประชาสัมพันธ์อาหารถิ่น (Locallicious) อาหารอร่อย อาหารห้ามพลาด โดยส่งเสริมการนำเที่ยวประเภท Local Food Tours การเยี่ยมชมแหล่งผลิต แหล่งวัตถุดิบด้านอาหารท้องถิ่น
- Our Local สร้างสรรค์และสนับสนุนการจัดกิจกรรม Community Events กระจายทุกพื้นที่ทุกสัปดาห์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวในเทศกาลงานประเพณีประจำท้องถิ่น
- Local Heroes – Towards Global Sustainable Tourism Council และ B2D (Business to Digital) เป็นการสนับสนุนวิทยากร นักวิชาการ ศิลปิน ผู้มีชื่อเสียงผลงานการสร้างสรรค์ออกแบบ และแนะนำแหล่งทุน เพื่อการพัฒนาคน สร้างเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนจากองค์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง และการแข่งขันในอนาคต (Digital Age)
- Local Strength พัฒนา Creative Tourism โดยสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว (Travel Tech & Start-up Business in services)
สำหรับเป้าหมายของแคมเปญคาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวเที่ยวเมืองรองไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้ให้เศรษฐกิจฐานรากไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท และที่สำคัญผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองทั้งภาคเอกชน และชุมชน จะกล้าลงทุนสร้างที่พักโฮมสเตย์ และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการกระจายรายได้แก่ท้องถิ่น และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
…แล้วคุณล่ะคะ วางแผนจะไปเที่ยวจังหวัดไหนกันบ้าง…
ที่มา