เวลาที่เราได้ยินคำว่า “บัตรกดเงินสด” เรานึกถึงอะไรกันบ้างคะ เรามีมุมมองต่อบัตรกดเงินสดกันอย่างไร สำหรับผู้เขียนเองนั้น ถือเป็นคนชั้นกลางแล้วกัน เพราะไม่ได้ร่ำรวยมีเงินทองใช้สบายเหมือนเศรษฐี ยังต้องทำงาน หาช่องทางลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย ยังรอคอยอนาคตที่จะมีชีวิตที่มีอิสรภาพทางการเงินเหมือนที่ใคร ๆ ก็ฝันหาอยู่เหมือนกัน แต่ก็เป็นคนไม่มีหนี้ และไม่เคยคิดจะสร้างหนี้ ทำงานมีเงินเท่าไหร่ก็ใช้เท่าที่จำเป็น เหลือก็เก็บ ไม่ฟุ่มเฟือย ทำให้มุมมองที่มีต่อบัตรกดเงินสดนั้น มองว่าเป็นสิ่งไม่จำเป็น
เคยคิดว่าเราจะมีบัตรกดเงินสดไปเพื่ออะไร ก็ในเมื่อสมัครก็ไม่ได้ถึงกับง่าย ต้องมีประวัติดี มีเงินเดือนขั้นต่ำตามเงื่อนไข ส่วนถ้าจะกดเงินออกมาใช้ จะฟรีค่าธรรมเนียมหรืออะไรก็เถอะ แต่ก็มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ยิ่งจ่ายช้าก็โดนดอกเบี้ยบาน จะใช้ทำไม ไม่เข้าใจ อยากได้อะไรก็เก็บเงินซื้อเอาดีกว่า เก็บยังไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อ เลยเป็นที่มาของการที่ไม่เคยมีบัตรกดเงินสดกับเขาสักใบ ส่วนบัตรเครดิตที่มีก็พูดเลยว่ารูดแล้วจ่ายเต็มวงเงินตลอด และไม่เคยเป็นหนี้ให้ต้องเสียดอกเบี้ยเลยแม้แต่ครั้งเดียว มุมมองที่มีต่อบัตรกดเงินสดก็เลยมองบัตรนี้เป็นเหมือนตัวร้ายที่จะมาหลอกเอาเงินจากคนอื่น ใครเผลอกดเงินสดออกมาใช้ล่ะก็ ถือว่าหลวมตัวเข้าให้ เป็นหนี้ก้อนใหญ่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ถ้าจ่ายไม่ไหวก็ถูกฟ้องอายัดเงินเดือนกลายเป็นหนี้หัวโต
แต่เมื่อหลายปีก่อน มีโอกาสได้พูดคุยกับรุ่นน้องคนหนึ่งที่ไม่ได้เจอนาน ก็อัพเดทชีวิตกันไปตามประสา ถึงได้รู้ว่าชีวิตน้องเขาไม่ได้สบายนัก ต้องดูแลพ่อแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะทั้งคู่ เธอมีน้องสาวอยู่คนหนึ่งอยู่ในวัยเรียนใกล้จบแล้ว โดยน้องก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย รายได้ก็เลยเหมือนกับจะพอดี ถ้ามีอะไรฉุกเฉินขึ้นมาก็เรียกว่าลำบากแน่ ๆ แล้ววันที่ว่าก็มาถึงจริง ๆ สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น เมื่อบริษัทที่น้องเค้าทำงานอยู่เกิดประสบปัญหาต้องปิดตัวลง น้องเค้าก็เลยมีอันต้องกลายเป็นคนตกงานทั้งที่ภาระที่บ้านก็ถือว่ามากอยู่ ตอนนั้นน้องบอกไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเพราะค่าใช้จ่ายยังมีอยู่ทุกเดือน งานใหม่ก็ยังหาไม่ได้ จะหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้องก็ไม่กล้าทำ ไม่อยากให้คนอื่นต้องลำบากไปด้วย แล้วก็อายด้วย
น้องเค้าก็เลยตัดสินใจไปกู้เงินนอกระบบจากคนแถวบ้านมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายไปจนกว่าจะหางานทำได้ กู้มา 30,000 บาท เพราะต้องจ่ายค่าเทอมให้น้องที่กำลังจะเรียนจบด้วย ดอกเบี้ยไม่ต้องพูดถึงมหาโหดแบบสุด ๆ แต่จะทำยังไงได้มันจำเป็น ปากท้องสำคัญมาก ระหว่างนั้นน้องเค้าก็พยายามหางานใหม่อยู่ตลอด โชคดีเป็นของน้องที่ในที่สุดเธอก็ได้งานใหม่ พอมีรายได้เข้ามาอะไรก็ดีขึ้นบ้าง แต่ที่ไม่ดีเลยน้องเค้าเล่าว่าก็หนี้นอกระบบนี่แหละที่กัดกินรายได้ไปจนแทบไม่เหลือ พอทำงานมาได้สักพักเธอก็เลยไปสมัครบัตรกดเงินสด เพราะเงื่อนไขการสมัครหย่อนกว่าบัตรเครดิต สมัครง่ายกว่า อนุมัติง่ายกว่า เธอบอกว่ามีพี่คนหนึ่งแนะนำให้ทำแบบนี้ ให้กดเงินจากบัตรมาจ่ายหนี้นอกระบบให้หมด แล้วค่อยมาจ่ายหนี้บัตรแทนจะดีกว่า เพราะถึงดอกเบี้ยจะแพงแต่ก็ไม่เท่าหนี้นอกระบบแน่ เธอก็เลยทำตาม
สุดท้ายเธอก็ได้เป็นเจ้าของบัตรกดเงินสดพร้อมกับกดเงินสดไปจ่ายหนี้นอกระบบจนหมด จากนั้นค่อยมาจ่ายคืนหนี้บัตร ตอนนั้นน้องสาวเธอก็เรียนจบพอดี ได้งานทำมีรายได้เข้ามาอีกทาง ภาระรับผิดชอบในบ้านก็เลยลดลงเพราะมีน้องมาช่วย เงินเดือนก็เลยเอามาจ่ายหนี้ได้มากหน่อย เธอบอกว่าจ่ายหนี้ไปปีกว่า ๆ เกือบสองปีหนี้ก็หมด คราวนี้ชีวิตเธอกับครอบครัวก็ค่อย ๆ ดีขึ้น
หลังจากที่ได้เจอน้องคนนี้ได้อัพเดทชีวิตของน้อง ก็ทำให้รู้ว่ามุมมองที่เราเคยมีกับอะไร ๆ มันเปลี่ยนไปมาก ที่ผ่านมาเราอาจเคยมองเพียงแค่ด้านเดียวจากประสบการณ์ที่เรามีอยู่เท่านั้น จากที่เคยมองบัตรกดเงินสดเป็นตัวร้ายที่จะมากัดกินชีวิตของคนอื่น มุมมองเราก็เปลี่ยนไปเลย นึกว่า อืม! ถ้าน้องเค้าไม่ได้บัตรกดเงินสด ชีวิตก็คงจะแย่ บัตรกดเงินสดก็ไม่ได้มีแต่ด้านไม่ดีเหมือนที่เราเคยเข้าใจนะ
คราวนี้บัตรกดเงินสดก็เลยกลายเป็นพระเอกในสายตาของเราไปเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมาเชิญชวนให้สมัครแล้วกดเงินสดไปใช้ตามใจชอบนะ อย่างไรเสียบัตรกดเงินสดก็ยังมีความเสี่ยงมากหากใช้แบบไม่ถูกต้อง จำจากที่เคยอ่านเจอได้ว่าบัตรกดเงินสดเราควรต้องใช้ในยามฉุกเฉินและจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ก็ไม่เคยเข้าใจไม่เห็นภาพสักที คราวนี้แจ่มแจ้งแล้ว และก็เชื่อว่าคงมีอีกหลายเคสเหมือนกันที่บัตรกดเงินสดก็ช่วยให้ชีวิตของเขาเหล่านั้นผ่านช่วงวิกฤตมาได้เช่นกัน ถึงว่าบัตรกดเงินสดนี่ถ้ารู้จักใช้ก็มีประโยชน์มหาศาลพลิกชีวิตได้จริง ๆ ค่ะ แต่ถ้าใช้แบบไม่ถูกต้อง กดไปใช้แบบไม่จำเป็น ใช้แบบไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ใช้กับของฟุ่มเฟือย ก็พลิกชีวิตอีกด้านได้เหมือนกันค่ะ