ในการโฆษณา แน่นอนว่าในการว่าจ้างแหล่งต่างๆเพื่อที่จะโฆษณาในแต่ละครั้ง เจ้าของโฆษณานั้นก็ล้วนอยากให้มีคนได้เห็นโฆษณาของตัวเองเยอะๆ ยิ่งมีคนเห็นเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี ยิ่งมีคนดูโฆษณานั้นเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการแสดงภาพลักษณ์ในสินค้าของเรา แบรนด์ของเรา ให้คนทั่วไปได้เห็นได้รู้จักได้มากขึ้นเท่านั้น และการโฆษณานี้ก็ทำให้คนดูนั้นมีโอกาสที่จะนึกถึงสินค้าของเราเป็นลำดับแรกหรือมีการเลือกซื้อสินค้าของเราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับตัวสินค้า ขึ้นอยู่กับโฆษณาและวิธีการโฆษณานะ และในบางครั้ง การใช้โฆษณาเพียงโฆษณาเดียวก็อาจจะสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของเราเลยทีเดียวล่ะ แต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่นะ ซึ่งใครที่ทำการค้าขายในยุคปัจจุบันนี้ ก็จะมองข้ามและละเลยการใช้โฆษณาไม่ได้เลย เพราะถ้าหากว่าไม่ใช้โฆษณาหรือไม่มีการโฆษณาสินค้าของเราให้คนอื่นรู้จักแล้ว แน่นอนว่าสินค้าของคนอื่นๆจะสร้างความมั่นใจ สร้างความเชื่อใจให้กับลูกค้า จนไม่มีใครคิดที่จะสนใจในสินค้าของเราเลยล่ะ
เมื่อเรารู้ว่าการโฆษณานั้น จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าของเรา เพิ่มยอดสั่งซื้อให้กับสินค้าของเรา จึงทำให้มีการแข่งขันในเรื่องของโฆษณาอย่างมากเลยล่ะ ซึ่งแต่ละคน แต่ละบริษัท แต่ละกิจการนั้น ก็พยายามที่จะหาไอเดียต่างๆ หาแรงบันดาลใจต่างๆในการทำโฆษณาออกมาเพื่อให้คนชอบมากที่สุด เพื่อบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ของสินค้าตัวเอง บ่งบอกถึงภาพลักษณ์ของกิจการของตัวเองมากที่สุด และแน่นอนว่าการจะสร้างโฆษณาออกมาสักงานหนึ่งนั้น ก็ได้มีการศึกษาอย่างลึกซึ้งมากเลยล่ะว่าควรทำอย่างไร ทำแบบไหนคนถึงจะชอบ สินค้าแบบนี้ต้องใช้คำพูดแบบไหน และอื่นๆอีกมากมาย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการสรรสร้างโฆษณาคุณภาพออกมาเพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอ อีกสิ่งหนึ่งที่เรายังต้องคำนึงถึงด้วยก็คือการเลือกวิธีที่จะโฆษณา เพราะการโฆษณาแต่ละวิธีนั้น ค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกันและผลลัพธ์ที่ได้ก็จะแตกต่างกัน ซึ่งจะต้องเลือกใช้วิธีไหนในการโฆษณา ก็ขึ้นอยู่กับตัวแต่ละบุคคลนะ
การเลือกใช้วิธีโฆษณานั้น ก็จะมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี นั่นก็คือแบบหว่านแห(เน้นปริมาณ) กับแบบการโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจง(เน้นคุณภาพ) ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกใช้วิธีที่สองนั่นก็คือแบบหว่านแห โดยเน้นที่ปริมาณของคนเห็น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามวิธีแรกก็เป็นวิธีที่เรามองข้ามไม่ได้เลยล่ะ โดยจะแตกต่างและแบบไหนใช้เงินน้อยกว่า มาดูกันเลย
- แบบหว่านแห(เน้นปริมาณ)
การเลือกใช้วิธีแบบหว่านแหเน้นปริมาณ เป็นวิธีที่ได้ดั่งใจ ตรงกับความต้องการของเจ้าของโฆษณาหรือเจ้าของสินค้าอย่างมากเลยล่ะ เพราะเป็นวิธีที่จะมีคนเห็นเยอะมาก และแน่นอนว่ายิ่งมีคนเห็นเยอะมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีการสั่งซื้อสินค้าก็จะเยอะมากขึ้นเช่นกัน เราสามารถเห็นวิธีนี้ได้ตามโฆษณาทีวีทั่วไป ตามรีวิวบนโลกออนไลน์ต่างๆ รวมไปถึงเน็ตไอดอลบนโลกโซเชียลที่มีคนติดตามเยอะๆด้วยนะ ซึ่งจากที่กล่าวไปทั้งหมดก็มีคนเห็นไม่น้อยเลยล่ะเมื่อมีการลงโฆษณาหรือรีวิวสินค้าให้ดู
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายนั้นก็สูงขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะการเลือกใช้วิธีการโฆษณาทางทีวีและเน็ตไอดอล ซึ่งในการโฆษณาผ่านทางทีวีนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่เลยล่ะ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงและต้องแข่งกับแบรนด์ที่มีอยู่ก่อนด้วย เจ้าของกิจการหรือเจ้าของสินค้าก็เลยหันมาให้ความสนใจกับโลกโซเชียลที่มีคนเยอะและก็เข้าถึงทุกคนได้เร็วแทน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม การเลือกวิธีการโฆษณาผ่านเน็ตไอดอล ก็ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไปนะ ต้องดูด้วยว่าคนที่ติดตามเน็ตไอดอลนั้น ติดตามเพราะอะไร ถ้าหากว่าเป็นบุคคลที่มีคนติดตามเพราะความน่าเชื่อถือ รับรองได้ว่าการโฆษณาของเน็ตไอดอลคนนั้น จะมีคนจำนวนไม่น้อยเลยล่ะที่ตั้งใจดูโฆษณา บอกต่อและซื้อสินค้า
- แบบการโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจง
การเลือกโฆษณาแบบเจาะจงนั้น เป็นการโฆษณาในส่วนของกลุ่มเล็กๆ คนที่ได้เห็นก็อาจจะไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่เมื่อเทียบเท่ากับแบบแรก เป็นวิธีที่เจ้าของโฆษณาหรือเจ้าของสินค้าไม่ค่อยให้ความสนใจสักเท่าไหร่นะ เพราะว่าเป็นการโฆษณาให้คนกลุ่มเล็กๆได้ฟัง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วิธีกลับเป็นวิธีที่ได้ผลไม่น้อยเลยล่ะ
ตามเคยหรือเปล่าล่ะ ที่เราใช้สิ่งของอะไรสักอย่างจนเรามีความรู้สึกเกิดความภาคภูมิใจในสินค้าตัวนั้น จนเกิดเป็นความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อและเมื่อบอกเพื่อนหรือแนะนำเพื่อนแล้ว เพื่อนคนนั้นก็ได้ซื้อสิ่งของที่เราแนะนำอีกพร้อมกับบอกต่อกันไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าสิ่งของชิ้นนั้นจะถูกซื้อเป็นจำนวนมากเนื่องจากการบอกต่อของเหล่ากลุ่มคนที่พึงพอใจในสินค้าตัวนั้น เรียกได้ว่าใช้ความรู้สึกดีๆเป็นตัวสร้างยอดขายนะ ซึ่งการที่เราคุยตัวต่อตัวหรือบอกต่อข้อดีของสินค้าให้กลุ่มคนเล็กๆฟัง มันไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่และยิ่งเป็นการบอกต่อจากเพื่อนสู่เพื่อนด้วยแล้ว แน่นอนว่าความเชื่อใจในสินค้าที่เพื่อนบอกต่อๆกันมา ก็จะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งค่าใช้จ่ายก็ยังไม่แพงอีกด้วย
การเลือกวิธีโฆษณานั้น ควรเลือกตามความเหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องที่จะต้องเลือกแบบใดแบบหนึ่งเสมอไป แต่อาจจะเลือกทั้งสองสิ่งตามสัดส่วนที่เหมาะสมแทนกันได้เพื่อที่จะได้ลดค่าใช้จ่ายให้ถูกลง แต่ได้ผลลัพธ์ที่เกินคุ้มนะ