แม้ว่ารูปแบบการดำเนินชีวิตและการทำงานของคนในแต่ละรุ่นจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่ปัจจัยแวดล้อม ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วย แต่อย่างไรทุกคนเกิดมาเมื่อถึงวัยก็ต้องทำงาน ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานอะไรก็แล้วแต่ หลังจากพ้นจากชีวิตการเป็นนักเรียนนักศึกษาแล้ว ก็ก้าวเข้าสู่วัยของการทำงานมีรายได้เป็นของตัวเองอย่างเต็มตัว ได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ได้ร่ำเรียนมามาประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้
เด็กจบใหม่แม้จะไฟแรงมีความรู้เต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่ก็คือเรื่องของประสบการณ์ในการทำงาน การทำงานร่วมกับคนอื่น ความรับผิดชอบในงาน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและอีกหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยเวลาในการทำงานไปนาน ๆ ต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมายเท่านั้น จึงค่อย ๆ สั่งสมกลายเป็นประสบการณ์ในการทำงานของตัวเองได้
ไม่ว่าเด็กที่จบใหม่จะเลือกทำงานประจำ ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ ทำธุรกิจส่วนตัว หรือทำธุรกิจครอบครัวก็ตาม การเรียนรู้จากคำแนะนำของรุ่นพ่อแม่ หรือรุ่นพี่ที่ทำงานผ่านมาก่อน ก็จะทำให้เราเข้าใจอะไร ๆ ในชีวิตการทำงานที่ต่างจากวัยเรียนมากขึ้นได้
- มีทัศนคติในการทำงานที่ถูกต้อง หากจะมีคำแนะนำในฐานะรุ่นพี่ให้กับรุ่นน้องที่กำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตของการทำงาน เรื่องสำคัญแรกที่ต้องปรับก่อนเลยก็คือเรื่องของทัศนคติ ไม่ยึดเรื่องเงินหรือค่าตอบแทนเป็นที่ตั้ง เพราะผลลัพธ์ความสำเร็จของการทำงานเกิดจากความสามารถ ความพยายามและทัศนคติในการทำงานของเราเท่านั้น เราไม่ควรเริ่มต้นทำงานด้วยการเรียกร้องว่างานนี้ให้ผลตอบแทนดีหรือไม่ งานนี้ทำแล้วก้าวหน้าหรือไม่ หรืองานนี้เราจะชอบหรือเปล่า แต่ให้เริ่มทัศนคติการทำงานจากการเรียนรู้ โดยถามตัวเองว่าเรามีความสามารถเหมาะสมกับงานหรือไม่ งานนี้เราได้พยายามเต็มที่แล้วหรือยัง ทัศนคติในการทำงานของเราเป็นอย่างไร นี่เองที่จะทำให้สามารถพัฒนาทักษะความสามารถของเราได้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ
- ความรับผิดชอบ เมื่อถึงวัยทำงานเรื่องความรับผิดชอบถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด คนทำงานประจำส่วนใหญ่งานที่รับผิดชอบมักมีความต่อเนื่องที่ส่งผลกระทบถึงงานของคนอื่นหรือแผนกอื่น ถ้าเราไม่รับผิดชอบทำงานไม่เสร็จ หรือทำงานผิดพลาดก็ย่อมส่งผลต่อไปยังงานของคนอื่นให้ล่าช้าหรือผิดพลาดตามไปด้วย อาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์เป็นอาชีพที่เด็กยุคใหม่นิยมยึดเป็นอาชีพกันมาก แล้วจะบอกว่าเพราะเป็นงานที่รับผิดชอบน้อยกว่าคงไม่ได้ แม้ว่าอิสระเรื่องเวลาและการเลือกงานจะมีมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำงานฟรีแลนซ์แล้วจะไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะนั่นจะเป็นตราที่ประทับอยู่กับตัวเราไปตลอดต่อจากนี้ ถ้าทำงานดีก็มีงานต่อเนื่อง หรือไม่ก็มีการแนะนำบอกต่อกันไป ทำให้มีโอกาสได้รับงานมากขึ้น เงินก็ดีขึ้น แต่ถ้าไม่รับผิดชอบงาน ต่อไปงานก็หด มีโอกาสดี ๆ เขาก็ไม่บอกต่อ หรือหากผู้ว่าจ้างอยู่ในวงการเดียวกัน ก็ย่อมต้องบอกต่อถึงเรื่องความไม่รับผิดชอบของเราแน่ ยิ่งคนทำธุรกิจส่วนตัวยิ่งต้องรับผิดชอบมากกว่างานอื่น ๆ เพราะเป็นเจ้าของต้องควบคุมทุกเรื่องเพราะส่งผลกับกำไรกับบริษัททั้งนั้น
- ความมีวินัย อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องว่าเด็กจบใหม่ไร้วินัย กฎระเบียบของบริษัท หรือเงื่อนไขการทำงานเป็นอย่างไร เราควรต้องทำตามนั้นให้ได้ สำคัญตรงที่คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ อย่าไปทำงานสาย เข้างานให้ตรงเวลา ส่งงานให้ทันตามกำหนดที่ได้รับมอบหมาย เข้าประชุมให้ตรงเวลา เตรียมการประชุมให้พร้อม ถ้าทำงานอิสระ เรื่องกำหนดส่งงานเป็นเรื่องสำคัญมาก หากเราเป็นคนที่ไม่ชอบงานที่มีกฎเกณฑ์ยุ่งยากมากมาย ก็ควรตัดสินใจให้ดีตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกบริษัทเข้าทำงาน บริษัทใหญ่ ๆ มักมีข้อกำหนดและเงื่อนไขการทำงานที่มากกว่า บริษัทเล็ก ๆ หรือบริษัทครอบครัวมีความยืดหยุ่นมากกว่า หรือไม่ก็ต้องยึดอาชีพฟรีแลนซ์รับงานแบบอิสระไปเลย ถ้ามั่นใจ
- รู้จักเก็บออม เด็กจบใหม่ส่วนใหญ่เมื่อเริ่มต้นทำงานมีรายได้เป็นของตัวเองก็มักจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนแทบไม่เหลือเก็บ เพราะก่อนหน้านั้นมีเงินจำกัดที่ได้จากพ่อแม่ อยากซื้ออะไรบางทีก็ไม่ได้ ตอนนี้หาเงินเองได้แล้วก็เลยจัดเต็มจนแทบไม่มีเหลือเก็บ บางคนถึงกับเริ่มก่อหนี้ด้วยซ้ำไป ทั้งที่จริงแล้ววัยของการเริ่มต้นทำงานนั้นเป็นวัยที่ยังไม่มีภาระมากนัก ควรจะเก็บออมให้มาก ๆ ด้วยซ้ำ หากเพิ่งเริ่มทำงานอย่างน้อยจึงควรเจียดเงินจากรายได้มาเก็บออมสัก 10% หรือ 20% ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้จ่ายอย่างไรก็ไม่ว่ากันค่ะ สำคัญตรงเรื่องของการเลือกเสื้อผ้า รองเท้า ของใช้ให้เหมาะสมกับรายได้และวัยของเรา อย่าให้เงินเกินตัวและสร้างหนี้ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานจะดีที่สุด
- หมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ อย่างที่เกริ่นนำไว้ตั้งแต่ต้นว่าประสบการณ์ในการทำงานของเด็กจบใหม่ยังถือว่าน้อย ทำให้เมื่อทำงานใหม่ ๆ อาจมีปัญหาได้ สำหรับคำแนะนำในเรื่องนี้ก็คือน้อง ๆ ควรต้องหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่เราทำอยู่ อาจเป็นการสอบถามพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ที่ทำงาน หรือเจ้านายบ่อย ๆ ไม่เกี่ยงงานเพราะทุกงานที่เราได้มีโอกาสทำย่อมหมายถึงประสบการณ์ในการที่เราจะได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ แม้จะต้องใช้เวลามากขึ้น แต่ให้คิดว่าถือเป็นการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่ง ถึงวันหนึ่งเมื่อเรามองย้อนกลับมา เราจะพบว่าเพราะสิ่งที่เราทำนี้เองที่ทำให้เรามีประสบการณ์มากกว่าคนอื่น ๆ
- อดทนและไม่ย่อท้อ ชีวิตการทำงานเป็นชีวิตจริงที่เราต้องเจอ ไม่เหมือนกับชีวิตในวัยเรียนที่เราเรียนรู้ในภาคทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ เมื่อมาเจอกับภาคปฏิบัติที่เป็นของจริงแบบนี้ น้อง ๆ คงต้องปรับตัวกันพอสมควร และสิ่งที่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นก็คือปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ไม่มีใครทำงานแล้วไม่เจอ สำคัญตรงต้องอย่าย่อท้อตั้งแต่เริ่มต้น ต้องอดทนและพยายามทำมันให้สำเร็จ เมื่อสำเร็จขั้นแรก บันไดขั้นต่อไปที่รออยู่ก็จะไม่ยากเกินไป
เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนที่กำลังอยู่ในวัยเริ่มต้นทำงาน แม้ว่าจะเป็นงานที่ชอบและใช่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานและการทำงานร่วมกันคนอื่น ขอให้ยึดหลักคำแนะนำที่ให้ไว้ข้างต้น รับรองได้ว่าจะประสบความสำเร็จในการทำงานได้ไม่ยากและมีความสุขที่ได้ทำงานทุกวันด้วยค่ะ