ตามที่ได้อ่านได้ฟังจากข่าวต่างๆ ว่าธนาคารต่างๆ กำลังจะเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็กให้เป็น บัตร ATM แบบชิปการ์ด แล้วทำไมเราจะต้องเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มมาเป็นแบบชิปการ์ดกันด้วย
บัตร ATM แบบชิปการ์ด ก็คือ บัตรที่มีการเก็บข้อมูลของผู้ถือบัตรไว้ในชิบที่เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีชิปนี้เป็นที่ยอมรับในเรื่องของความปลอดภัยว่า สามารถป้องกันการคัดลอกข้อมูลและการทำบัตรปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหลายๆ ประเทศทั่วโลกจึงได้เปลี่ยนการใช้บัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็กมาเป็นบัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดแทน
สำหรับประเทศไทยนั้นก็กำลังจะเปลี่ยนการใช้บัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็กให้เป็นบัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดเหมือนกัน ก็ด้วยเหตุผลในเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของผู้ถือบัตรนั่นเอง เพราะการขโมยข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็กจะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก จากการใช้เครื่องขโมยข้อมูลของผู้ถือบัตร หรือที่เราจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่า เครื่องสกิมเมอร์ (Skimmer) ที่จะนำไปติดไว้ที่ช่องเสียบบัตรของตู้เอทีเอ็ม ซึ่งถ้าหากคนที่ไปกดเงินไม่ได้สังเกตความผิดปกติของช่องเสียบบัตรเอทีเอ็มของเครื่องแล้วล่ะก็ อาจจะถูกขโมยข้อมูลภายในบัตรไปอย่างแน่นอน และนอกจากนั้นก็จะมีการติดตั้งกล้องขนาดเล็กเพื่อแอบดูรหัสกดบัตร หลังจากนั้นก็จะนำข้อมูลที่ขโมยมาได้ไปทำบัตรเอทีเอ็มปลอมเพื่อนำเงินออกจากบัญชีไปอย่างง่ายดาย
อ่านเพิ่มเติม : เทคนิคป้องกันเครื่อง Skimming
แล้วข่าวที่เราได้ยินกันมาว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดให้ใช้บัตร ATM แบบชิปการ์ดตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 นั้น แล้วบัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็กจะยังใช้งานได้หรือเปล่า คำตอบก็คือใช้บัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็กยังคงใช้งานได้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 แต่บัตรเอทีเอ็มที่ธนาคารจะออกใหม่ให้กับลูกค้าตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นไปนั้นจะต้องเป็นบัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดทั้งหมด ไม่ใช่เป็นการยกเลิกการใช้บัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็ก
และเมื่อเราได้บัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดมาแล้วนั้นสามารถใช้ได้กับตู้เอทีเอ็มทั่วไปเหมือนเดิมหรือเปล่า คำตอบก็คือ เราสามารถใช้บัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดกับตู้เอทีเอ็มได้ตามปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง เพราะธนาคารต่างๆ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนระบบของตู้เอทีเอ็มที่ให้บริการอยู่นั้นให้สามารถรองรับบัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดแล้ว แต่ก็อาจจะมีบางตู้เอทีเอ็มในบางพื้นที่ที่อาจจะยังไม่พร้อมการใช้งานกับบัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดสำหรับการทำธุรกรรมต่างธนาคาร จึงอาจจะทำให้เราลำบากในการใช้กันสักนิดในช่วงแรก ที่ถือบัตรเอทีเอ็มชิปการ์ของธนาคารไหนก็ต้องไปใช้กับตู้เอทีเอ็มของธนาคารนั้นไปก่อน จนกว่าจะปรับปรุงระบบให้สมบูรณ์แบบได้ทั้งหมดและไม่กระทบกับการบริการของเรา อย่างไรก็ตามเวลาที่เราใช้บัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดกับตู้เอทีเอ็มต่างธนาคาร ก็อาจจะมีข้อความเตือนในช่วงแรกว่ายังไม่พร้อมใช้งานสำหรับบัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดของบัตรต่างธนาคารให้เรารู้เวลาไปใช้บริการ ซึ่งอาจจะทำให้เราไม่สะดวกในช่วงแรกแต่ถือว่าข้อมูลในบัตรเอทีเอ็มของเราจะปลอดภัยมากขึ้นก็น่าจะดีกว่า