ค่านิยมของผู้คนที่ต้องการเรียนหนังสือให้สูงอย่างน้อยต้องจบปริญญาตรี หรือยิ่งหากสูงกว่านั้นได้ก็ยิ่งดี เพราะมีความเชื่อว่าหากเรียนสูงจะสามารถหางานดีดีทำ ได้ทำงานกับบริษัทใหญ่โต มีความมั่นคง มีเงินเดือนเยอะ ทำงานสบาย ไม่ต้องลำบาก ทำงานใช้สมอง ใช้ความรู้ ไม่ต้องใช้แรงงาน ที่จริงความเชื่อในเรื่องใบปริญญานี้ไม่เพียงเป็นแค่ค่านิยมเท่านั้นแต่ยังเป็นความจริงบนโลกใบนี้อีกด้วย เราต้องยอมรับว่าปริญญาก็เหมือนเป็นใบเบิกทางในการเริ่มต้นชีวิตจริง ๆ ลองคิดดูว่าหากเรียนไม่จบ หรือเรียนไม่ถึงในระดับปริญญาสมัยนี้จะหางานอะไรทำได้บ้างที่จะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับชีวิตของเราได้
พ่อแม่ที่ทำงานด้วยความลำบากลำบน บางคนต้องแลกด้วยแรงงาน หยาดเหงื่อแรงกาย เพื่อหาเงินให้ลูกเรียนหนังสือ จะเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้ลูกเรียนสูงได้รับปริญญาเพื่อจะได้ทำงานดี ไม่ต้องลำบากเหมือนพ่อแม่ แม้แต่พ่อแม่ที่เป็นชนชั้นกลางหรือคนที่อยู่ในสังคมชั้นสูงก็เชื่อในเรื่องการศึกษาเหมือนกันว่าเป็นสิ่งจำเป็น จะเรียนเก่งหรือไม่เก่งอย่างไรไม่ว่า แต่อย่างน้อยก็ต้องเรียนให้จบ ก็เพราะใบปริญญาเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้เบิกทางในการเริ่มต้นชีวิตการทำงานของทุกคนที่ต้องการความมั่นคง
คนที่มีการศึกษาย่อมต้องดีกว่าคนที่ไม่มีหรือมีน้อยอย่างแน่นอน เพราะการศึกษาและความรู้ทำให้คนเราฉลาด รอบรู้ ทันคน และไม่โดนหลอกได้ง่าย ขบวนการและขั้นตอนในการเรียนกว่าจะจบปริญญาตรีก็มีเรื่องราวของตัวมันเอง นอกจากเราจะได้ความรู้และใบปริญญาที่จริงก็มีอะไรอีกมากมายที่เราได้จากชีวิตการเป็นนักเรียนและนักศึกษาเช่นเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม : ปริญญาตรี พอหรือไม่ สำหรับการทำงาน ?
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเก่งและสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตกลายเป็นมหาเศรษฐีอย่างบิล เกตต์ หรือ สตีฟ จ๊อบส์ ที่แม้เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ไม่มีใบปริญญาแต่ก็ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จได้อย่างที่ทุกคนเห็นและเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก จะมีสักกี่คนที่ทำได้เช่นนี้ มีเด็กบางคนที่ไม่รักเรียนแล้วชอบอ้างบิล เกตต์หรือสตีฟ จ็อบส์ เด็กพวกนั้นไม่รู้หรอกว่าแม้ทั้งสองจะเรียนไม่จบแต่เขาต้องใช้ความมุ่งมั่นและพยายามมากแค่ไหนถึงจะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกได้เช่นนี้
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใบปริญญาเพราะตราบใดที่ค่านิยมของคนในสังคมเรายังคงต้องการคนที่จบปริญญาตรีเป็นอย่างน้อยเพื่อรับเข้าทำงาน เราก็คงต้องดิ้นรนกันต่อไป สิ่งที่สำคัญคือความรู้และประสบการณ์ที่เราได้รับต่างหากที่สำคัญ ใบปริญญาแม้สำคัญแต่ก็ไม่ได้บอกว่าคนสองคนเก่งหรือมีความรู้เท่ากัน บางคนเรียนเก่งทำคะแนนได้ดีก็ไม่ได้แปลว่ารู้เยอะกว่าคนที่เรียนไม่เก่งหรือได้คะแนนน้อยกว่า ดังนั้นใบปริญญาที่เราได้มาจะมีความสำคัญหรือสร้างความภาคภูมิใจให้เราได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความพยายามขวนขวายในระหว่างทางก่อนที่จะถึงเป้าหมายเป็นใบปริญญานั้นด้วยเช่นกัน
ดร.เทียม โชควัฒนาได้เคยเขียนไว้ในหนังสือถึงเรื่องชีวิตการศึกษาที่แตกต่างจากชีวิตการทำงานไว้ว่า คนที่เรียนจบใหม่ ๆ มักยึดติดกับความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมากับอาจารย์ ทำให้เข้ากับผู้อื่นได้ยาก ในการทำงานมันมีอะไรที่มากกว่าความรู้ นั่นก็คือประสบการณ์ เราต้องพัฒนาให้ตัวเราเข้ากับผู้อื่นให้ได้ ดร.เทียมได้เปรียบเด็กจบใหม่เหมือนมีความคิดเป็นเหลี่ยม พอเริ่มทำงานประสบการณ์จะค่อย ๆ ลบเหลี่ยมนั้นให้ค่อย ๆ กลายเป็นกลม รี และแหลมในที่สุด ทรงแหลมจะเป็นทรงที่สามารถสอดแทรกไปในสิ่งอื่นได้ง่ายที่สุด ก็เปรียบเหมือนการรู้จักปรับตัวเข้าหาคนอื่นนั่นเอง
เด็ก ๆ หรือนักศึกษาควรได้เลือกเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองรักโดยไม่โดนบังคับ ที่จริงทุกคนเข้าใจว่าหากเราได้ทำสิ่งที่เรารัก เราก็จะสามารถทำมันได้อย่างดีที่สุด นี่เป็นเรื่องที่แน่นอน เพราะเราทำมันออกมาจากใจ หากเราได้เลือกเรียนในสิ่งที่เรารัก ใบปริญญาที่เราได้รับก็จะเป็นการปูทางไปสู่การทำงานที่เรารักได้ด้วยเช่นกัน คนที่ค้นหาสิ่งที่ชอบและใช่ที่เป็นตัวของเราได้เร็วก็จะได้เปรียบ แต่บางคนเรียนจนถึงมัธยมปลายแล้วก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองรักชอบอะไร อยากไปทางไหน อยากทำงานอะไร หากเป็นแบบนั้นถึงแม้เราทนเรียนไปจนจบปริญญาได้งานทำ เราก็อาจไม่มีความสุขกับการทำงานก็ได้
วิธีที่จะทำให้เราค้นพบสิ่งที่เรารักก็คือให้เราลองสำรวจตัวเองว่าเราชอบกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ทำเรารู้สึกมีความสุขและไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน หากเราหาเจอนั่นอาจเป็นทางของเรา เช่น บางคนชอบเจอผู้คน การได้พูดคุยกับคนอื่น ๆ ทำให้เรามีความสุข เราก็พอจะคาดเดาได้ว่าเราน่าจะชอบทำงานที่เกี่ยวข้องกับผู้คน ต้องเจอพบปะและพูดคุย หากเราสำรวจตัวเองและหาตัวเองเจอได้เร็ว เลือกเรียนในสาขาอาชีพที่ตรงกับความชอบและความถนัดของเรา ก็จะทำให้ไม่ต้องเสียเวลามาเปลี่ยนแปลงในภายหลัง เหมือนกับบางคนที่เรียนจบปริญญาทำงานไปซักพัก กลับเพิ่งรู้สึกว่าไม่ชอบและไม่ใช่ ทำให้ต้องมาใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนชีวิตกันอีก แต่ที่ทนทำไปก็มีให้เห็นเยอะเช่นกัน
พ่อแม่บางคนหวังดีอยากให้ลูกได้เรียนและทำงานในสาขาอาชีพที่พ่อแม่คาดหวังไว้โดยเชื่อว่าอาชีพนั้นจะทำให้ลูกสบายมีความมั่นคงไม่ลำบาก โดยที่ลืมนึกไปว่าลูกชอบสิ่งนั้นจริงหรือไม่ ทั้งที่ชีวิตเป็นของลูก ลูกควรจะเลือกทางเดินในชีวิตของเขาเองโดยมีพ่อแม่เป็นแค่คนคอยแนะนำเท่านั้น ไม่ใช่คนตัดสินใจให้ ดังนั้นพ่อแม่ควรเป็นผู้สนับสนุนในการตัดสินใจเรื่องเรียนและแนวทางการใช้ชีวิตในการทำงานของลูกมากกว่า เด็กที่มีพ่อแม่คอยแนะนำให้คำปรึกษาก็จะสามารถเรียนจบและได้ทำงานที่ตนเองถนัดและรักอย่างมีความสุขได้
ดังนั้นข้อแนะนำก็คือสำรวจตัวเองว่าชอบอะไร เรียนให้จบ และเลือกทำงานที่ตัวเองรัก เพียงแค่นี้ชีวิตของเราก็จะมีความสุขไปตลอด