เงินเดือนออกทีไร ธุรกิจรุ่ง ลั่นล้าทุกที ใครเป็นบ้างพอหมุนเงินไม่ทันใช้หน้าเหี่ยว อยากมีเงินออมแต่ไม่อยากจดบัญชีรายรับรายจ่ายเพราะรู้สึกหวาดผวาและสะเทือนใจทุกครั้งที่เห็นยอดรายจ่ายรวมของตนเองซึ่งบางครั้งแทบเป็นลมคาหน้าจอสรุปยอดจ่ายรายเดือน จนทำให้ยกเลิกจดบัญชีเพราะทำใจยอมรับไม่ได้ แน่นอนว่าการจดบัญชีเป็นทางออกที่ดีที่ทำให้รู้จักรูรั่วของรายจ่ายที่ดีที่สุด แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้เพราะความอ่อนไหวและความขยันของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน มาเรียนรู้ว่า รูรั่วค่าใช้จ่าย คืออะไร คือการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จ่ายซ้ำๆบ่อยๆ แล้วไม่เกิดประโยชน์ มาดูกันเลยว่า ในชีวิตประจำวันของเรามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ไม่จำเป็นแต่เราก็ยังจ่ายกันอยู่
ค่าใช้จ่ายแรกที่เกือบ 80% ของคนส่วนใหญ่ หนีไม่ได้เลยเพราะทุกเช้าต้องควักเงินมาเพื่อสิ่งนี้ “กาแฟ”
จุดนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่กลุ่มวัยทำงาน ใช้จ่ายกับมันมากที่สุด ต่อวันเองบางคนจ่ายเงินค่ากาแฟวันละประมาณฉลี่ย 2-4 แก้วต่อวัน ตกเป็นเงินโดยเฉลี่ยประมาณ 150 – 350 บาทต่อวัน ถ้ารวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เราต้องมีการใช้จ่ายอย่างค่าเดินทาง ค่าอาหาร ตกต่อวันประมาณ 1,000 บาทแล้วต่อเดือนก็ถึง 30,000 บาท ถ้าพูดเป็นตัวเงินอย่างละเอียดถึงกับต้องตกใจกันเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นจากตารางเราจะเห็นได้ว่าเงินเราหายไปเยอะขนาดนี้กันเลยทีเดียว ถ้าใครที่เป็นคอกาแฟกินกาแฟ 3 เวลาเลยนี่บอกเลยว่าสามารถ ซื้อบ้านหรือรถกันได้เลยเพียงระยะเวลาไม่กี่ปี
ไม่ได้กินกาแฟมีอะไรบ้างที่มีรอยรั่ว ?
สำหรับกลุ่มวัยทำงานนอกจากกาแฟแล้ว ยังมีบุหรี่ เหล้าเบียร์ ที่หลายๆท่านเสียเงินกับในส่วนของที่ทำลายสุขภาพ อย่างไม่จำเป็น อย่างเบียร์ 1 กระป๋อง กินทุกวัน ตกต่อเดือนประมาณ 1,350 บาท บุหรี่สูบ 1 ซองต่อวัน ตกต่อเดือนประมาณ 2,550 บาท ดูแล้วคุณต้องหาเงินมาเพื่อใช้จ่ายพอควรเลยทีเดียว
ยิ่งเมื่อถึงกลางเดือน ปลายเดือนเมื่อไหร่มีต้องลุ้นกันทุกที เสี่ยงโชคของเหล่าสาวกคอหวย คนนึงต่องวดมากกว่า 4 ใบกันเลยทีเดียว ไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจของผู้ที่มีรายได้ไม่มากเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกว่า เป็นทางลัดที่ต้องเสี่ยงโชคเพื่อหลุดพ้นจากชีวิตความยากลำบาก ถ้าถูก 1 ใบแม้เลขท้าย 2 ตัวก็พอแล้ว ซึ่งคนเหล่านี้มักลืมคำนึงไปว่า ความเป็นไปได้ของ % การถูกรางวัลนั้นน้อยมากเหลือเกิน ใน 1 เดือน มี 2 งวด ซื้อ 1 คู่ เท่ากับ 160 บาท ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเรามองในกลุ่มของเงินได้เมื่อวัยชราจากรัฐบาลเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป ได้เงินต่อเดือน 600 บาท ถ้าเรานำเงินมาเพื่อเล่นล็อตเตอรี่ ตกต่องวดละ 2 ใบ เป็นเงิน 160 บาท เล่น 2 งวด จะเป็นเงิน 320 บาท เหลือเงินแค่ 280 บาท ถ้าซื้อมากกว่านั้น คุณอาจจะต้องจ่ายเงินให้กับรัฐบาลมากกว่ารับซะด้วยซ้ำ ทางที่ดีเมื่อถึงวัยเกษียณต้องคำนึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นแบบนี้เป็นเรื่องสำคัญ
หากเราเก็บเงินวันละ 150 และ 300 บาท ตามราคากาแฟที่เราทานจากที่เราเคยกินวันละ 4 แก้ว ลองลดลงมาตกวันละ 2 แก้ว นำเงินที่ต้องจ่ายวันละ 2 แก้วมาเป็นเงินออม ไปลงทุนรายเดือนโดยมีผลตอบแทนเฉลี่ย 5% 10% 15% ต่อปี มาดูกันว่าเราจะมีผลตอบแทนเท่าไหร่ที่มากขึ้น ยกตัวอย่าง นำตารางจากค่าใช้จ่ายในการทานกาแฟ มาแปลงเป็นเงินออมทั้งหมด ลง่ายๆก่อนฝากประจำแบบสะสมทรัพย์โดยเฉลี่ยได้ดอกเบี้ยประมาณ 3% แล้วเราจะได้เงินเพิ่มอีกเท่าไหร่
จะเห็นได้ว่าเราจะมีเงินเพิ่มต่อปีโดยเฉลี่ยประมาณ เกือบ 2 พันบาท ต่อ 1แก้วที่เรากินไป โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
แล้วถ้าแบ่งเงินนั้นมาลงทุนละหรือนำเงินมาใช้จ่ายที่จำเป็น หักออกมาลงทุน 3,000 บาท ต่อเดือน หรือ 36,000 บาทต่อปี ถ้าลองเอาไปลงทุนกับกองทุนที่มันปันผลรายไตรมาสจะเป็นอย่างไร
- ราคาเฉลี่ยทั้งปีมันอยู่ที่ 14 บาท (เฉลี่ย มีขึ้นมีลงอยู่ในเฉลี่ยไปแล้ว) ก็จะได้ 214.29 หน่วยต่อเดือน
- ในไตรมาสแรก จะมี 642.87 หน่วย สมมติปันผล 0.4 บาท จะได้เงินปันผล 257.15 บาท
- ในไตรมาสสอง จะมี 1,285.74 หน่วย สมมติปันผล 0.4 บาท จะได้เงินปันผล 514.3 บาท
- ในไตรมาสสาม จะมี 1,928.61 หน่วย สมมติปันผล 0.4 บาท จะได้เงินปันผล 771.44 บาท
- ในไตรมาสสี่ จะมี 2,571.48 หน่วย สมมติปันผล 0.4 บาท จะได้เงินปันผล 1,028.6 บาท
อย่างไรก็ตามในการลงทุนเงินปันผล ผลตอบแทนมันขึ้นอยู่กับอนาคต ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่ได้จำเป็นที่จะนำเงินมาใช้แน่ๆ คุณจะเก็บไว้เพื่อการลงทุน ก็แนะนำว่าเหล่านักคอกาแฟก็ต้องมาคำนึงนิดนึงว่าจะลองปรับมาลดปริมาณทานกาแฟต่อวันมาเป็นเงินที่ออม เงินที่มาใช้จ่าย แล้วนำมาลงทุนได้แบบง่ายๆได้เองก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันนะคะ