วันนี้เราจะได้ยินคำถามจากคนที่เพิ่งทำงาน หรือเด็กจบใหม่นั่นแหละว่า อยากมีบัตรเครดิต บ้าง จะเลือกทำบัตรเครดิตของธนาคารไหนดี ซึ่งก่อนที่จะตอบคำถามเหล่านี้ เราต้องแนะนำเรื่องที่ควรจะรู้ก่อนมีบัตรเครดิตให้รู้กันเสียก่อน เรามาดูกันดีกว่าว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่เราควรจะต้องรู้ก่อนที่จะตัดสินใจมีบัตรเครดิตสักใบ
เรามาทำความรู้จักกันอีกครั้งว่า บัตรเครดิต คือ บัตรที่ธนาคารออกมาให้เราไว้ใช้รูดซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าหรือกดถอนเงินสดไปได้ก่อน โดยธนาคารเจ้าของบัตรจะเรียกเก็บเงินทีหลัง ซึ่งเป็นจุดเด่นของบัตรเครดิตที่หลายๆ คนชอบกัน ดังนั้นหากเราไม่มีวินัยในการใช้บัตรเครดิตไปจับจ่ายใช้สอยแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาหนี้สินพอกพูน และติดอยู่ในกับดักวังวนแห่งหนี้จนยากจะถอนตัวอย่างที่มีหลายๆ คนบ่นกันก็เป็นได้
ก่อนจะมีบัตรเครดิต
ก็ต้องตรวจสอบวินัยและนิสัยการใช้จ่ายเงินส่วนตัวกันเสียก่อน ถ้าหากเราไม่สามารถคุมการใช้จ่ายเงินของตัวเองไม่ได้ก็ไม่ควรที่จะมีบัตรเครดิตกัน จากนั้นก็ต้องให้เวลากันสักนิดในการเปรียบเทียบข้อมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของบัตรแต่ละประเภทของแต่ละธนาคาร และก็เลือกสมัครบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์สอดคล้องกับรายได้และลักษณะการใช้จ่ายของเรา ที่ไม่ควรลืมคืออย่าทำบัตรหลายใบ ทำบัตรเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ทีนี้เมื่อเราตัดสินใจจะ ทำบัตรเครดิต สักใบได้แล้ว
การเซ็นชื่อในใบสมัครต่างๆ ก็ต้องแบ่งเวลาสักนิดอ่านรายละเอียดกันสักหน่อย ซึ่งที่สำคัญก็มี แบบคำยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เพื่อขอตรวจสอบประวัติเครดิตจาก NCB หรือเครดิตบูโร เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์การให้วงเงินบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับรายได้และค่าใช้จ่ายของเรา หากเราไม่เซ็นยินยอมเราก็อาจจะไม่ได้รับอนุมัติบัตรเครดิตจากธนาคารก็ได้ นอกจากนี้ใบสมัครบัตรเครดิตบางธนาคารก็อาจจะมีแบบคำขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารติดต่อแนะนำสินค้าอื่นๆ หรือให้ข้อมูลของเราแก่ผู้อื่น ซึ่งเราก็มีสิทธิเลือกที่เซ็นชื่ออนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้ สุดท้ายที่สำคัญก่อนจะเซ็นชื่อในใบสมัครบัตรเครดิต ก็คือ บางธนาคารอีกเหมือนกันที่อาจจะมีใบคำขอสินเชื่อประเภทอื่นพ่วงมาด้วย เช่น คำขอมีบัตรกดเงินสด ใบคำขอสินเชื่อส่วนบุคคล การยินยอมให้ใช้วงเงินบัตรเครดิตไปชำระหนี้ให้เจ้าหนี้รายอื่น หรือการขอใช้บริการแจ้งเตือน SMS ซึ่งเราจะต้องอ่านให้ดีเพราะถ้าหากเราไม่ต้องการใช้บริการ เราก็ไม่ต้องเซ็นชื่อในส่วนนั้น เพราะว่าต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาแน่นอน
และเมื่อได้บัตรเครดิตมาแล้วก็อย่าลืมที่จะอ่านเงื่อนไขต่างๆ ของบัตรด้วย เพราะมีบางบัตรอาจจะมีเงื่อนไขสำคัญซ่อนอยู่ก็เป็นได้ เช่น การยินยอมให้สถาบันการเงินหักเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตรที่มีอยู่กับธนาคารนั้น มาชำระหนี้ของผู้ถือบัตรได้ทันที ซึ่งหากบัตรที่มีเงื่อนไขแบบนี้หากเราเป็นหนี้บัตรเครดิตและมียอดค้งชำระ ทางธนาคารก็มีสิทธิที่จะหักเงินฝากของเราโดยที่ไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าได้ทันที
คราวนี้ก็มาถึงตอนใช้บัตรเครดิตกันแล้ว
เมื่อเรานำบัตรเครดิตไปรูดเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการ เราจะต้องระลึกไว้เสมอว่าเราจะต้องจ่ายเงินให้ตรงเวลา เพราะหากจ่ายเงินคืนไม่ต้องเวลาเราจะต้องจ่ายดอกเบี้ยถึง 20% ต่อปีกันเลยทีเดียว แถมยังโดนคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเงินทั้งหมดที่จ่ายไปในครั้งแรกอีกต่างหาก เช่น ใช้บัตรเครดิตไปรูดซื้อของ 20,000 บาท ถึงกำหนดจ่ายเงินเราจ่ายด้วยขั้นต่ำ คือ 2,000 บาท จำนวนเงินที่ธนาคารจะใช้คิดดอกเบี้ยไม่ใช่ 18,000 บาท แต่จะเป็น 20,000 บาทที่เอาไปคิดดอกเบี้ยจนกว่าเราจะจ่ายเงินคืนหมดนั่นเอง
และเราควรที่จะต้องตรวจสอบรายการใช้จ่ายบัตรเครดิตจากใบแจ้งหนี้ทุกเดือนเพื่อดูว่ามีรายการจ่ายเงินที่ผิดปรกติเกิดขึ้นหรืเปล่า เพื่อที่เราจะได้แจ้งธนาคารให้ตรวจสอบและแก้ไขได้ทันที ก่อนที่เราจะต้องเสียเงินไปโดยที่ไม่จำเป็น และที่จะเน้นย้ำกันนอกจากเรื่องดอกเบี้ยจะถูกคิดด้วยอัตราที่สูงแล้ว หากเราจ่ายคืนเงินไม่ตรงกับกำหนดจ่ายชำระเงินก็จะทำให้เราเสียค่าธรรมเนียมในการติดตามทวงถามหนี้ได้
สุดท้ายหากเรามีบัตรเครดิตมาแล้วและไม่ต้องการใช้อีกต่อไป
ก็เพียงแต่โทรไปยกเลิกการใช้บัตรเครดิตกับ Call Center ของธนาคารได้ทันที และที่สำคัญเมื่อยกเลิกบัตรไปแล้วก็อย่าลืมทำลายบัตรเครดิตใบนั้นด้วย เพราะหากเราทิ้งบัตรไปโดยไม่ทำลายเสียก่อนแล้ว เราอาจจะถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวที่อยู่ในบัตรเครดิตไปใช้โดยไม่ถูกต้องก็เป็นได้
อ่านเพิ่มเติม : ทำบัตรเครดิต แล้วไม่เป็นหนี้ได้ด้วยเหรอ ?
ดังนั้นก่อนจะมีบัตรเครดิตสักใบคิดกันให้ดี เลือกที่ให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของเราจริงๆ อย่าตัดสินใจมีบัตรเครดิตเพราะว่าดูดี ดูหรูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น