หลายๆ คนที่กำลังคิดอยากจะเป็นหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินเพื่อการก่อร่างสร้างตัว หรือจะเป็นหนี้สินเพื่อตอบสนองความอยากได้อยากมีของตัวเอง ซึ่งก่อนที่เราจะหาหนี้สินมาเพิ่มให้กับตัวเองนั้น เรามาดูกันก่อนว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่เราควรจะต้องรู้ก่อนที่จะสร้างหนี้สินกัน
วัตถุประสงค์การใช้สินเชื่อและเงื่อนไขของสินเชื่อแต่ละแบบ
ก่อนที่เราจะกู้เงินจากธนาคารสักที่เราจะต้องทบทวนตัวเองให้รอบคอบก่อนว่า เงินที่เราต้องการกู้นั้นเราจะเอาไปใช้ทำอะไร มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน และเมื่อกู้มาแล้วหนี้สินที่จะเกิดขึ้นนั้นจะสร้างรายได้กลับมาให้เราได้แบบไหนบ้าง จากนั้นเราก็ต้องไปศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ของสินเชื่อแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเงินของเรา เพื่อให้เราสามารถจัดการบริหารหนี้สินและวางแผนทางการเงินได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อน จำนวนเงินที่ต้องผ่อนในแต่ละเดือน ฯลฯ
ผู้ให้บริการ
นั่นก็คือธนาคารแต่ละแห่ง เนื่องจากแต่ละแห่งก็จะมีเงื่อนไขในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ การกำหนดอัตราดอกเบี้ย การให้โปรโมชั่นต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับเรา รวมถึงเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการดำเนินการขอสินเชื่อ และที่จะต้องดูกันด้วยก็คือ คุณภาพในการให้บริการ ความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อ หรือความสะดวกในการชำระหนี้
ความสามารถในการผ่อนชำระ
นอกจากที่เราจะศึกษาข้อมูลจากธนาคารที่จะให้สินเชื่อกับเราแล้ว เราอย่าลืมกลับมาดูความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเราด้วย ว่าเมื่อเป็นหนี้แล้วเราสามารถชำระคืนเงินได้ตามระยะเวลาที่ตกลงกับธนาคารหรือเปล่า เพราะหากเราผิดนัดแล้วสิ่งที่ตามมาก็คือดอกเบี้ยที่เกิดจากการผิดนัดชำระหนี้ ค่าติดตามทวงถามหนี้ รวมทั้งประวัติทางการเงินของเราไม่ดีและส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคตอีก ซึ่งเราสามารถประเมินตัวเองได้ก่อนที่จะไปคุยกับธนาคาร คือ สัดส่วนในการชำระหนี้ต่อเดือนนั้นจะต้องไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้ เช่น มีรายได้ 36,000 บาท เพราะฉะนั้นเงินที่เราสามารถจะผ่อนได้จะเท่ากับ 12,000 บาท เพื่อให้การใช้จ่ายเงินในแต่ละเดือนของเราไม่ตึงจนเกินไป
ระยะเวลาในการผ่อนชำระ
แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นหนี้นานดอกเบี้ยก็ต้องมากตามไปด้วย แต่การที่ธนาคารให้ระยะเวลาในการผ่อนชำระที่นานเป็น 20-30 ปี ก็เพื่อที่จะให้ภาระในการจ่ายเงินในแต่ละเดือนของเราไม่มากจนเกินไป ซึ่งถ้าหากเราสามารถทำให้การผ่อนชำระเงินนี้สามารถหมดไปได้โดยเร็วก็จะช่วยให้ภาระในการจ่ายดอกเบี้ยของเราลดลงไปด้วย แต่ก็อย่าทำให้ตึงจนเกินไป
เมื่อดูเงื่อนไขต่างๆ แล้วเห็นว่าเราน่าจะสามารถขอกู้เงินจากธนาคารได้ สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือ การเตรียมข้อมูลและเอกสารต่างๆ ให้พร้อมและเป็นความจริง เพื่อยื่นขออนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร และก่อนที่จะลงนามทุกครั้งเราจะต้องอ่าน ทำความเข้าใจและตรวจสอบข้อความเงื่อนไขต่างๆ ให้ถูกต้อง เช่น จำนวนเงินที่เป็นตัวเลขและตัวอักษร ระยะเวลา กำหนดวันชำระเงิน อัตราดอกเบี้ย ค่าใข้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ที่อาจจะมีผลต่อการชำระหนี้ในอนาคตของเราด้วย
สุดท้ายคือ เมื่อได้รับเงินจากธนาคารแล้วก็ควรจะนำเงินที่ได้ไปใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่เราตั้งใจ ไม่ควรนำเงินที่ได้ไปใช้ทำอย่างอื่น เพราะจะทำให้เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการได้ และที่สำคัญ คือ เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เช่น ชื่อที่อยู่ ก็ควรรีบแจ้งธนาคารที่เราติดต่อได้ทันที เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่ ไม่ได้รับใบแจ้งหนี้ หรือการแจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากธนาคารก็เป็นได้
แต่ถ้าเรายังไม่สามารถขอกู้เงินจากธนาคารได้ แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้เงินเราควรจะต้องใจเย็นๆ อย่าใจอ่อนไปใช้สินเชื่อนอกระบบเด็ดขาด เพราะสินเชื่อนอกระบบนี้เราจะต้องเสียดอกเบี้ยที่สูงมากกว่าที่จะได้สินเชื่อจากธนาคาร คนที่ให้เรากู้เงินนั้นก็จะเอาเปรียบเราในรูปแบบต่างๆ เช่น ให้เซ็นสัญญากู้ยืมเงินในกระดาษเปล่า เขียนจำนวนเงินที่กู้ยืมในสัญญาสูงกว่าจำนวนเงินที่ได้รับ มีการทวงหนี้ที่ไม่เหมาะสม เช่น ประจานให้เราอับอาย ทำร้ายร่างกาย และไม่มีหน่วยงานมากำกับดูแล จึงทำให้ไม่สามารถไปร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือได้เมื่อเกิดปัญหากับเจ้าหนี้ได้ เพราะการกู้นอกระบบไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายของการหาเงิน เราอาจจะทบทวนตัวเองใหม่อีกครั้งว่าการกู้เงินครั้งนี้จำเป็นหรือไม่ ถ้ายังไม่จำเป็นก็ลองหาวิธีอื่นๆ แก้ไขกันไปก่อน