รู้ไหมเอ่ยว่าบางคนที่ร่ำรวยเป็นเศรษฐีในปัจจุบันนั้น ความจริงแล้วพวกเขาอาจไม่ได้รวยมาตั้งแต่เกิดหรอกนะ แต่นั่นเป็นเพราะความพยายามที่จะฉุดรั้งตัวเองขึ้นมาจากความจน จึงทำให้พวกเขามีฐานะที่ร่ำรวยและสุขสบายอยู่ในวันนี้นั่นเอง เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่กำลังท้อแท้ว่าตัวเองคงไม่สามารถรวยขึ้นได้แน่ๆ เราจะพาไปชม 7 เศรษฐีที่เคยจนมาก่อนกันค่ะ
-
แซม วอลตันอดีตเด็กส่งหนังสือพิมพ์
แซม วอลตัน เด็กที่เกิดในครอบครัวยากจน ต้องรับหน้าที่รีดนมวัวและส่งหนังสือพิมพ์ จนอายุ 26 ปีจึงได้ทำธุรกิจร้านขายของด้วยเงิน 25,000 เหรียญ ปัจจุบันขยับขยายไปสู่ร้านวอลมาร์ทที่มีสาขามากมายทั่วสหรัฐ ฯ ถึงแม้ปัจจุบันแซม วอลตันจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ได้ทิ้งกิจการให้ภรรยา และลูก ๆ บริหารจัดการต่อไป
-
เออร์ซูล่า เบิร์นส์ ซีอีโอผิวสีคนแรกของบริษัทซีรอกซ์
เออร์ซูล่า เบิร์นส์ เธอโตขึ้นมาในย่านของคนจนและเขตอันธพาลแถบแมนฮัตตัน ชีวิตวัยเด็กจึงค่อนข้างลำบาก แต่คุณแม่ของเธอก็ดิ้นรนส่งให้เธอเรียนจนจบมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นเธอก็ได้สมัครเข้าทำงานที่บริษัทซีรอกซ์ในตำแหน่งพนักงานฝึกหัด จนปัจจุบันได้ก้าวขึ้นสู่ซีอีโอผู้หญิงผิวสีคนแรกของบริษัทซีรอกซ์ ยอดเยี่ยมที่สุด
-
ริชาร์ด แบรนสันอดีตเด็กมีปัญหาด้านการเรียนสู่นักธุรกิจพันล้าน
ริชาร์ด แบรนสัน เกิดในครอบครัวนักกฎหมายย่านลอนดอน ตอนเด็กเขามีปัญหาด้านการเรียนเพราะเป็นโรคดิสเล็กเซีย (โรคความบกพร่องในการอ่านเขียน) แต่ใจเขาไม่ยอมแพ้จึงเริ่มทำธุรกิจขายต้นคริสต์มาสต์และขายแผ่นเสียงทางไปรษณีย์ตั้งแต่อายุ 16 ปี ธุรกิจขายแผ่นเสียงของเขาดีมากจนมาเปิดร้านจำหน่ายแผ่นเสียงชื่อว่า “Virgin Records” และขยายสาขาไปทั่วประเทศอังกฤษ จากนั้นก็ได้ต่อยอดมาเป็นอีกหลายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นสายการบิน เวอร์จิ้น แอตแลนติก น้ำดื่ม เกมส์ และโทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันเขาร่ำรวยติดอันดับโลก และเป็นบุคคลตัวอย่างที่ใครๆก็อยากเป็นเหมือนเขา
-
ลีกาชิงร่ำรวยติดอันดับโลกจากไม่มีต้นทุนอะไรเลยในชีวิต
ลีกาชิง ลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยทำงานหาเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่ยังเล็กเพราะพ่อของเขาตาย ต่อมาจึงได้เริ่มทำธุรกิจโรงงานพลาสติก และขยับขยายมาเป็นโรงงานดอกไม้พลาสติกเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ จากนั้นจึงเริ่มหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และปัจจุบันเขามีธุรกิจหลายอย่างทั้ง โทรคมนาคม การขนส่ง อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ในที่สุดเขาก็ได้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยติดอันดับโลก
-
โรมัน อบราโมวิชชีวิตเด็กกำพร้าสู่มหาเศรษฐี
โรมัน อบราโมวิช เด็กหนุ่มกำพร้าชาวรัสเซีย เขาเติบโตมาจากการเลี้ยงดูของลุงและคุณยาย ซึ่งมีชีวิตที่ยากลำบากมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลิกเรียนกลางคันเพื่อทำธุรกิจขายเป็ดพลาสติก และเมื่อชะตาชีวิตพลิกผันเขามีโอกาสได้จับธุรกิจค้าน้ำมันในบริษัทซิบเนฟท์ โดยเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จากนั้นก็ได้ต่อยอดธุรกิจด้วยการเข้าร่วมทำธุรกิจกับสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย อย่าง แอโรฟลอต และตามด้วยธุรกิจอลูมิเนียม
รูซัล แต่ที่ฮือฮาสุดน่าจะเป็นการเข้าเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอลชั้นนำของอังกฤษอย่างเชลซี และยังพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษหลายครั้งอีกด้วย ปัจจุบันจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ เขาร่ำรวยมาเป็นอันดับ 1 ของรัสเซีย อันดับ 1 ของอังกฤษ และยังเป็นอันดับ 11 ของโลกอีกด้วย
-
เคิร์ก เคอร์โคเรียน
เคอร์คอเรียน ออกจากโรงเรียนตั้งแต่เกรด 8 เพื่อมาเป็นนักมวยอาชีพหาเงินช่วยเหลือครอบครัว และผันตัวมารับใช้ชาติ กลายมาเป็นนักบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเงินทุนที่เขาเก็บสะสมท้ายที่สุดก็ได้มาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ย่านลาสเวกัส เริ่มจากโรงแรมเดอะ ฟลาแมงโก้ ต่อมาได้สร้างเดอะ อินเตอร์เนชั่นแนล และเอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินกว่า 16 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
-
สตีฟ จ็อบส์พลิกชีวิตด้วยเทคโนโลยี
สตีฟ จ็อบส์ ในวัยเด็กพ่อแม่ไม่ต้องการจึงให้คนอื่นเลี้ยง เขาจึงไม่ได้สะดวกสบายอะไรนัก เมื่ออยู่มหาวิทยาลัยก็ต้องออกกลางคันด้วยไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองเรียน และครอบครัวบุญธรรมมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการเรียนให้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต เขาได้ร่วมเปิดกิจการคอมพิวเตอร์เล็กๆภายในโรงรถกับเพื่อนสนิท กิจการดีต่อเนื่องจนเติบโตมาเป็นบริษัท แอปเปิ้ล โดยเขาได้ดำรงตำแหน่งเป็นซีอีโอของบริษัท ขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแต่ก็ยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จเท่าไร จนในที่สุดต้องถูกไล่ออกจากบริษัทของตนเองจากคนที่เขาให้มาช่วยบริหารงาน แต่ในที่สุดก็ได้กลับมาบริหารงานอีกครั้ง จนพลิกจากช่วงตกต่ำขึ้นทะยานสู่จุดสูงสุด พร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างไอโฟน ที่ทำให้เขามีสินทรัพย์มากที่สุด ปัจจุบันเขาเสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคมะเร็ง โดยทิ้งแอปเปิ้ลให้กับผู้บริหารคนใหม่อย่าง ทิม คุ๊ก
จะเห็นได้ว่าพวกเขาล้วนเคยผ่านชีวิตที่ยากลำบากมาทั้งสิ้น แต่ด้วยความขยันและความคิดที่ว่าพวกเขาจะไม่จนไปตลอดชีวิตแน่ๆ จึงทำให้พวกเขารวยได้ในที่สุด แล้วคุณล่ะ ถ้าไม่อยากจนไปตลอดล่ะก็ ลองลุกขึ้นมาสู้ดูสักตั้ง แค่มีความพยายามสักนิด ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน