“If you are born poor, It’s not your mistake. But if you die poor, it’s definitely your mistake.” Bill Gates
หลายคนคงเคยได้ยินหรือได้อ่านประโยคนี้กันมาบ้าง วาทะนี้เป็นคำพูดของบิล เกตส์ ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง ถ้าคุณเกิดมาจน นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่ถ้าคุณตายไปทั้งที่ยังจนอยู่ นั่นแหละคือความผิดของคุณแน่ ๆ
ต้นทุนชีวิตของแต่ละคนที่เกิดมานั้นไม่เท่ากันแน่ ๆ ถ้าใครเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี ร่ำรวย ถ้ามองในมุมเรื่องเงินก็ถือว่าโชคดีไป ไม่ต้องดิ้นรนหรือเห็นพ่อแม่ต้องลำบาก ส่วนใครที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนขัดสน ถ้าต้องไขว่คว้าหาโอกาสดิ้นรนกันไป ชีวิตของแต่ละคนมีความเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นถ้าจะมองกันจริง ๆ ก็ไม่อาจจะเอามาเปรียบเทียบกันได้อยู่แล้ว และที่สำคัญเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเลือกได้จะมีใครอยากเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน จริงไหมคะ
แต่ชีวิตเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เรื่องรวยจนไม่ได้เป็นคำตอบสำหรับทุกเรื่องเสมอไป คนที่ไม่เคยเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ก็จะไม่ค่อยทุกข์ ส่วนคนที่คอยแต่จะเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดเวลา ก็คงหาความสุขยาก ต่อให้มีแค่ไหน ก็ไม่รู้จักพอ ดังนั้นจะคิดว่ารวยแล้วดีจะต้องมีความสุขเท่านั้น ก็เห็นจะไม่จริง
นึกถึงชีวิตในครอบครัวที่อดมื้อกินมื้อ หรือไม่ค่อยมีโอกาสไปกินข้าวนอกบ้านบ่อย ๆ เหมือนครอบครัวอื่น แต่ถ้าพ่อแม่เลี้ยงดูเด็ก ๆ โดยให้ความรัก ความใส่ใจ และความเข้าใจ เด็ก ๆ ก็จะสัมผัสได้และไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร เคยมีเพื่อนผู้เขียนที่มีฐานะไม่ได้ดีเท่าไหร่ เล่าให้ฟังว่าตอนเด็ก ๆ แม่จะซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดมากินกัน และแม่ก็ยื่นน่องไก่ให้เขาเสมอทุกครั้ง แม่ไม่เคยกินน่องไก่เลย แต่จะกินส่วนอื่น (เดาว่าส่วนอื่นน่าจะถูกกว่า) และนี่เป็นเรื่องที่เพื่อนรู้สึกดี จำมาถึงทุกวันนี้และจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังทุกครั้งที่มีโอกาส เรื่องรวยจนจึงมีหลายมุมมองและหลายมิติหากเราจะย้อนกลับไปคิด
“มองต่ำเราเหลือ มองเหนือเราขาด” เป็นอีกคำพูดหนึ่งที่ให้เราพยายามมองโลกให้หลากหลาย ไม่ใช่จะมองแต่คนที่สูงกว่าเท่านั้น เรื่องนี้มีหลายมุมมอง ถ้ามองคนที่มีมากกว่าเราแล้วจิตตกต้องอย่าลืมมองคนที่ด้อยกว่าเราด้วย เราจะได้มีกำลังใจว่าเราก็ไม่ได้แย่ที่สุด ในขณะเดียวกันการมองคนที่มีมากกว่าสำหรับบางคนเป็นแรงพลังขับเคลื่อนในชีวิตได้เป็นอย่างดี ถ้าเราอยากมีเหมือนเขา เราก็ต้องต่อสู้ ต้องพยายามให้มาก ยิ่งถ้าเรามีต้นทุนชีวิตที่น้อยกว่า เราก็ต้องพยายามมากกว่าหลายเท่า
คนรวยที่ประสบความสำเร็จมากมายบนโลกใบนี้ เขาไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่เคยเป็นเด็กยากจนมาก่อนก็เยอะ แต่สุดท้ายด้วยมานะพยายาม ต่อสู้ดิ้นรนก็สามารถเอาชนะความจนได้ จนบางคนถึงกับมีชื่อขึ้นติดอันดับเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกก็มี
คำพูดนี้ของบิล เกตส์ ถ้าอ่านให้ดี ๆ เราจะมองเห็นสิ่งที่เขากำลังอยากสื่อให้กับเรา คำว่า poor ในที่นี้ แม้ความหมายหนึ่งที่เป็นความหมายที่คนส่วนใหญ่เข้าใจจะหมายถึงจนเรื่องเงินก็ตาม ซึ่งก็เป็นความจริงที่คนเราเลือกเกิดไม่ได้ การเกิดมาจนจึงไม่เห็นจะต้องมองว่าเป็นเรื่องผิดอะไร แต่ถ้าคุณตายไปทั้งที่ยังจนหลังจากใช้ชีวิตมานานหลายปี ถ้าอยากจะโทษใครสักคนก็คงต้องชี้นิ้วไปที่ตัวเอง นอกจากเรื่องจนเงินแล้ว บิล เกตส์น่าจะหมายถึงความจนเรื่องอื่นด้วย เช่น จนความคิด จนทัศนคติ ต่อให้วันที่คุณจากโลกนี้ไป คุณไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลกก็ตาม แต่คุณมีทัศนคติในการใช้ชีวิตแบบคนรวยความคิด รู้จักแบ่งปันสิ่งที่มีให้กับคนอื่น ให้สิ่งดีๆกับโลกใบนี้ ลูกของคุณทุกคนเป็นคนดี รู้จักช่วยเหลือตัวเอง เห็นคุณค่าของเงินและการรู้จักแบ่งปัน นั่นก็หมายถึงคุณได้สร้างสิ่งดี ๆ ให้กับโลกใบนี้ You are not die poor! ก็แปลว่าคุณไม่ได้จากโลกนี้ไปแบบไม่มีอะไรทิ้งไว้เลย
ดังนั้นคนที่กำลังหดหู่กับต้นทุนชีวิตของตัวเอง จะบอกให้กลับมาพอใจกับชีวิตก็คงเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่เอาเป็นว่าคุณไม่ได้แย่ที่สุดแน่นอน ถ้ามองคนที่ดีกว่าแล้วทุกข์ ขอให้กลับไปมองคนที่แย่กว่าด้วย เราอยู่ตรงกลาง เปลี่ยนจากความรู้สึกอิจฉา หดหู่ หมดกำลังใจ เป็นพลังที่จะต่อสู้ ยืนหยัด ทำให้ได้ ให้มีเหมือนคนอื่น ต่อให้สุดท้ายเราจะมีไม่เท่าใครอยู่ดี แต่การได้ต่อสู้ฝ่าฟันแทนที่จะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามโชคชะตายถากรรม นั่นก็เป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นแล้วว่า You are not poor!
ผู้เขียนเองเมื่อได้อ่านเจอประโยคของบิล เกตส์ นี้เข้า ความรู้สึกแรกเลยก็คือสะดุ้ง เหมือนมันตรงใจ ตายล่ะ! ถ้าเราตายไปแบบจน ๆ ก็เป็นความผิดของเราหรือนี่ แบบนี้เราจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว สิ่งที่ผู้เขียนเชื่ออยู่อย่างหนึ่งและเชื่อมาตลอดก็คือเรื่องของความพยายาม ความสบายมันง่ายไม่ต้องเรียนรู้ไม่ต้องฝึก เวลาที่เราได้อะไรมาง่าย ๆ เรารู้สึกอย่างไรกับมันล่ะ แต่เรื่องที่ต้องพยายามมันต่างกัน พอเกิดผลเราทั้งภูมิใจทั้งยิ้มกว้างกันมัน คนมีเงินสมัยนี้ยังต้องกังวลเรื่องลูกว่าโตขึ้นมาสบายเกินไปรึเปล่า จนเป็นคำพูดว่าถึงรวยก็ไม่ต้องเลี้ยงลูกแบบรวยให้เลี้ยงลูกแบบไม่มี ก็แสดงว่าการใช้ชีวิตนั้นต้องมีขาดบ้าง มีเกินบ้าง คนเราถึงจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ความพยายามอย่างเต็มที่ไม่เคยต้องทำให้ใครผิดหวัง เชื่อผู้เขียนสิคะ