หนุ่มบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกหนุ่มอารมณ์ดีของเราที่นับจนถึงวันนี้แล้วก็ถือว่าเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงนานหลายปี ผ่านงานละครกับทางช่อง 3 มาหลายต่อหลายเรื่อง แต่ละเรื่องก็สามารถทำเรตติ้งดีๆ ให้กับทางช่อง 3 ได้ตามคาดหมายทุกครั้ง ละครของคุณบอยมีแฟนติดตามชมกันเรียกได้ว่าไม่ขาดสาย หากละครเรื่องไหนมีชื่อหนุ่มบอยเล่นเป็นพระเอกล่ะก็ รับรองละครเรื่องนั้นต้องติดลมบนอย่างแน่นอน
หนุ่มบอยเองปัจจุบันก็ถือว่าก้าวเข้าสู่วัยกลางคน อายุ 30 กว่าปีแล้ว และพระเอกหนุ่มก็ทราบดีถึงความไม่แน่ไม่นอนในวงการบันเทิง แม้จะยังรับงานที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นงานละคร งานอีเว้นท์หรืองานโฆษณาต่าง ๆ อีกทั้งพื้นฐานทางครอบครัวก็เป็นครอบครัวที่ทำธุรกิจ จึงทำให้บอย ปกรณ์ก็มีความสนใจในการทำธุรกิจเพื่อเป็นอีกอาชีพหนึ่งสำหรับรองรับตัวเขาเช่นกัน
บอย ปกรณ์ เรียนจบมาทางด้านเภสัชกรรม สำหรับเป้าหมายของเขาแล้วก็คือ อยากเปิดร้านขายยาเป็นของตัวเอง แต่เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่และมีเรื่องที่ต้องเตรียมพร้อมอีกมาก จึงคงรอเวลาที่พร้อมมากกว่านี้ แต่ในระหว่างนี้ก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไป ได้เริ่มสั่งสมประสบการณ์ในการทำธุรกิจที่หลากหลาย อย่างที่เราเห็นเป็นข่าวอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับธุรกิจที่หลากหลายของบอย ล่าสุดก็เป็นธุรกิจนำเข้ารองเท้าผ้าใบแฟชั่นจากประเทศอิตาลีมาจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีเพื่อนทำอยู่แล้วแต่มาชวนให้ร่วมหุ้นด้วย ซึ่งบอยเองก็เห็นว่าธุรกิจนี้มีความน่าสนใจ คนในปัจจุบันก็หันมาใส่รองเท้าผ้าใบกันมากขึ้น จึงตัดสินใจร่วมหุ้นกับเพื่อน โดยบอยรับผิดชอบในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ รวมถึงช่วยเลือกรุ่นของรองเท้าที่จะนำเข้ามาจำหน่ายด้วย ทั้งด้วยความเป็นดาราเคยทำงานมีคอนเนคชั่นกับห้างดัง ๆ อยู่ ก็จะทำหน้าที่ดีลกับห้างเพื่อใช้พื้นที่วางจำหน่ายรองเท้า
หากพูดถึงธุรกิจแรกสุดที่บอย ปกรณ์ทำ ก็เป็นการหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านขายไอศกรีมโยเกิร์ต Partyland Frozen Yoghurt เขาบอกว่าการจะตัดสินเริ่มทำธุรกิจอะไรก็ตาม จะต้องมองก่อนว่าธุรกิจนั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไอศกรีมโยเกิร์ต เขาเองมองว่าคนไทยชอบทานโยเกิร์ตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งประเทศไทยมีอากาศร้อน ไอศกรีมที่ให้ความหวานอมเปรี้ยว ทานแล้วให้ความสดชื่นแถมอร่อยด้วย ทั้งยังแปลกใหม่ไม่ค่อยมีคนทำน่าจะขายได้ดี จึงตัดสินใจร่วมหุ้นกับเพื่อน โดยหลักๆแล้วเขาก็จะดูแลในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ร้าน บอยได้บอกว่าตัวเขาเองไม่ได้จบทางด้านการตลาดมา เวลาจะต้องดูแลร้าน ดูแลลูกค้าหรือพนักงาน ก็จะนึกว่าตัวเราเองต้องการการเทคแคร์แบบไหน ก็จะทำแบบนั้นกับลูกค้าหรือพนักงานด้วยเช่นกัน เป็นหลักคิดแบบง่าย ๆ
เมื่อตัดสินใจทำธุรกิจแรกแล้ว ธุรกิจต่อมาก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตัดสินใจ บอยได้ตัดสินใจลงขันกับเพื่อนในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นการทำธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นกว่าร้านขายไอศกรีม ซูชิชินเป็นแฟรนไชส์บุฟเฟต์ของญี่ปุ่นที่คัดสรรวัตถุดิบเพื่อนำมาทำซูชิมาอย่างดีเพื่อให้ลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นได้ทานอาหารที่มีคุณภาพดี รสชาติอร่อยและราคาเข้าถึงได้ง่าย สำหรับผลตอบรับของร้านอาหารก็ถือว่าดี เมื่อมีลูกค้ามาทานแล้วชอบ ก็มีการบอกต่อกัน ลูกค้าจึงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถูกถามถึงการวางแผนอนาคตในระยะยาว บอยได้บอกไว้ว่าตัวเขาไม่ได้มองอะไรที่ยาวไกลเกินไปนัก มองแบบระยะใกล้ ๆ ก่อน มีจังหวะหรือโอกาสอะไรก็ลองทำกันไปดู อาชีพในวงการบันเทิงก็ไม่ได้ทิ้ง คงทำต่อไปเรื่อย ๆ ร่วมกับธุรกิจที่ลงทุนไป โดยเขาเชื่อว่าการทำธุรกิจนั้นไม่สามารถทำคนเดียวได้ การร่วมหุ้นกับเพื่อนถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะเป็นการนำความถนัดของแต่ละคนมาใช้ในธุรกิจได้อย่างเหมาะสม
แม้ตัวบอย ณ ตอนนี้จะรับผิดชอบส่วนใหญ่ในเรื่องของประชาสัมพันธ์ธุรกิจ แต่เขาเองก็มีความสนใจในเรื่องของการบริหารธุรกิจอยู่เหมือนกัน ขณะนี้ยอมรับว่ายังไม่ได้คิดจะไปเรียนต่อเป็นเรื่องเป็นราว แต่อาศัยเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง จากร้านที่เราลงทุน จากการใกล้ชิดกับลูกค้าและพนักงาน เรียนรู้แบบนิด ๆ หน่อย ๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จริงกันไป สำหรับธุรกิจของครอบครัวก็ไม่ได้ไปช่วยดูแลมากเท่าไหร่ แต่จากการที่ได้เห็นครอบครัวมีการพูดคุยกันบ้าง ก็จะซึมซับในเรื่องของการต้องดูแลลูกค้าและใส่ใจในการให้บริการของเรา
เป้าหมายของธุรกิจในชีวิตก็เป็นร้านขายยาที่บอยบอกไว้ว่าตั้งใจอยากจะเปิดให้ได้ เพียงแต่ต้องขอรอเวลาที่เหมาะสม ขอให้มีประสบการณ์มากกว่านี้ก่อน ที่สำคัญหากถึงเวลาที่จะต้องจับธุรกิจยาเมื่อใด เขาเองก็จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้อะไรเป็นเรื่องเป็นราว ก็อาจจะต้องไปเรียนต่อในด้านบริหารธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจเรื่องการตลาดและการบริหารธุรกิจอย่างถูกต้องและมีแบบแผนมากกว่านี้