ในอดีตหนทางสู่ความรวย การประสบความสำเร็จทางการเงิน หนทางสู่การเป็นเศรษฐี มักต้องเริ่มต้นที่การประหยัด การเก็บออม เราเคยสงสัยกันไหมว่า บางคนประหยัดยังไงก็ไม่รวยซักที เพราะอะไรกัน เมื่อเราประหยัดมากจนถึงจุด ๆ หนึ่ง เราไม่สามารถประหยัดมากกว่านั้นได้อีก เพราะเราทุกคนมีค่าใช้จ่ายคงที่ ค่าใช้จ่ายคงที่ก็หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทุกเดือน ไม่จ่ายไม่ได้ เช่น ค่าใช้จ่ายประเภท ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ดังนั้นจะประหยัดอย่างไรก็เก็บเงินออมได้แค่นั้น
อาจเปรียบเทียบให้เห็นภาพกับการลดน้ำหนัก เราเคยอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักหรือไม่ เวลาเราอดอาหารมาก ๆ เราจะหิวมาก พอถึงเวลารับประทานอาหาร เราก็จะรับประทานอาหารแบบตบะแตก รับประทานมากเกินไป รับประทานมากกว่าที่เราอดอาหาร นอกจากน้ำหนักจะไม่ลดลงแล้ว น้ำหนักยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย การประหยัดเงินมากเกินไปก็เหมือนกับการอดอาหาร มันจะมีวันที่เราหลุด อยากกินนั่นกินนี่ อยากซื้อนั่นซื้อนี่ เพราะเราเก็บกดมานาน หรือบางคนเก็บเงินมาซักพักพอได้เป็นกอบเป็นกำ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น คนในครอบครัวป่วย เครื่องใช้ไฟฟ้าเสีย ซ่อมรถ ทำให้ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินที่เก็บออมมาตั้งนาน ดังนั้น การออมหรือการประหยัดไม่ได้ช่วยให้เราประสบความสำเร็จทางการเงินหรือเป็นเศรษฐีได้
ดังนั้น เราจึงต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ หนทางสู่ความสำเร็จทางการเงินต้องเริ่มต้นที่การหารายได้เพิ่ม การที่เราจะมีรายได้เพิ่มขึ้นได้นั้นต้องเริ่มจากการแสวงหาความรู้ การพัฒนาตัวเอง การแสวงหาความรู้และการพัฒนาตัวเองต้องมีการลงทุนก่อน เราลองมาคิดดูกัน ตั้งแต่เด็กจนโตเราเรียนหนังสือเพื่ออะไร เราคงไม่ได้เรียนหนังสือเพียงแค่ให้เราฉลาดขึ้น เราคงไม่ได้เรียนหนังสือเพียงแค่ไม่ให้คนอื่นหลอกเราได้และเราก็ไม่ได้เรียนหนังสือเพียงเพื่อแข่งขันกับคนอื่น จุดประสงค์ของการเรียนหนังสือก็เพื่อให้มีงานทำและสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ดังนั้น เมื่อเราเรียนจบและทำงานเราก็ยังสามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอีกได้
ความรู้ที่เราศึกษาเพิ่มเติมอาจเป็นสิ่งที่เราชอบหรือสิ่งที่เราถนัด ไม่ใช่การเรียนแบบเดิมที่โรงเรียน อาจเป็นการเรียนภาษาอื่น ๆ ที่เราชอบ หรือเข้าคอร์สเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อใช้กับงานที่เราทำ การเรียนรู้เพิ่มเติมเหล่านี้สามารถพัฒนาและต่อยอดใช้กับการทำงานประจำได้ ทำให้เรามีความสามารถที่จะทำงานในขอบข่ายงานที่กว้างขึ้นหรือทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานที่มีขอบข่ายงานกว้างขึ้นหรือการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็มีผลต่อการเลื่อนตำแหน่งงานหรือการปรับเงินเดือนประจำด้วย นอกจากนี้บางคนสนใจศึกษาหาความรู้ในด้านอื่นนอกเหนือจากขอบข่ายงานประจำที่ทำอยู่ เช่น การเข้าคอร์สเรื่องการลงทุนในแบบต่าง ๆ เช่น หุ้น ทอง อสังหาริมทรัพย์ การประกันชีวิต ฯลฯ
บางคนสนใจการนำเงินออมไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เงินงอกเงยมากกว่าที่ฝากไว้ในธนาคารซึ่งในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยธนาคารต่ำมาก การลงทุนเป็นสิ่งจำเป็นเพราะมันสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเงินของเราได้ เงินของเราสามารถโตแบบก้าวกระโดดได้ การลงทุนที่ดีเราต้องมีความรู้และมีสติ ไม่โลภ การลงทุนแต่ละประเภทมีลักษณะแตกต่างกัน ผลตอบแทนและความเสี่ยงก็ต่างกัน ดังนั้นเราต้องศึกษาหาความรู้ก่อนที่จะนำเงินออมของเราไปลงทุน เราไม่ควรปล่อยเงินออมของเราไว้ในรูปแบบการฝากธนาคารเพราะในแต่ละปีที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร เงินของเราจะมีค่าลดลงไปเรื่อย ๆ
ส่วนบางคนสนใจการเข้าคอร์สทำอาหาร ทำขนม ฯลฯ บางคนก็ศึกษาหาความรู้โดยการลงทุนซื้อหนังสือมาอ่านในเรื่องที่สนใจซึ่งเป็นการลงทุนที่ราคาถูกมาก เมื่อได้รับความรู้จากในหนังสือก็นำความรู้เหล่านั้นมาหารายได้เพิ่มได้ ความรู้ที่เราศึกษาเพิ่มเหล่านี้เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเรา บางคนนำความรู้ความชำนาญที่สะสมมาหลาย ๆ ปีมารวบรวม ผลิต และขายเป็นผลงานของตัวเองได้ เช่น ทำเป็นหนังสือขาย ทำเป็นอีบุ๊คขายผ่านทางบล็อก หรือเปิดคอร์สสอนวิธีคิดหรือวิธีทำให้กับคนที่สนใจ บางคนมีความฝันตั้งแต่เด็กว่าโตขึ้นอยากเป็นคุณครู พอโตขึ้นมาประกอบอาชีพอย่างอื่น เมื่อมีเวลาว่างก็รับสอนพิเศษได้รายได้ 300-400 บาทต่อชั่วโมง บางคนมีอาชีพประจำอย่างอื่นและรับสอนเปียโนในเวลาว่าง รายได้ 500-900 บาทต่อชั่วโมง
บางคนได้เงินจากการทำงานพิเศษมากกว่าเงินเดือนจากการทำงานประจำเสียอีก ทำให้ไม่ต้องประหยัดจนเครียด สามารถใช้ชีวิตได้สบาย ๆ จากหาความรู้เพิ่ม รู้จักการเข้าสังคม มีสังคมเครือข่ายที่มีความคิดอ่านในแนวทางเดียวกัน คุยภาษาเดียวกัน ช่วยเหลือกันต่อยอดทางความรู้ ทางการทำงานและการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น รู้จักลงทุนได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ชีวิตสบายขึ้นนำไปสู่การประสบความสำเร็จด้านการเงิน
บางคนประหยัดมากจนคิดอะไรไม่ออก ไม่กล้ากระดิกตัวไปไหน เพราะคิดว่าการออกจากบ้านจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ไม่อยากเสียค่าเดินทาง ไม่อยากเสียเงินซื้อหนังสือ ไม่อยากเสียเงินเข้าคอร์สต่าง ๆ ไม่กล้าที่จะใช้เงินเพื่อการลงทุนพัฒนาตัวเอง เพราะคิดว่าทุกอย่างเป็นค่าใช้จ่าย ต้องประหยัดเพื่อลดค่าใช้จ่าย ดังนั้นเราก็ไม่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ ไม่มีความก้าวหน้าในการทำงาน เก็บตัวอยู่บ้าน ไม่มีสังคม ไม่มีเครือข่ายที่ช่วยกันต่อยอดความรู้ในการทำงาน และช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับเราที่จะมองเห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่อาจจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นก็ได้ การประหยัดหรือลดค่าใช้จ่ายอย่างเดียวจึงไม่สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จทางการเงินหรือไม่สามารถทำให้เรารวยได้ สิ่งสำคัญคือต้องหารายได้เพิ่มให้ได้ด้วย
อ่านเพิ่มเติม : อาชีพเสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือน ไม่กระทบงานประจำ