กระแสฮิตในปัจจุบันคงหนีไม่พ้น เรื่องเบื่อการทำงานแบบเดิมๆ หลายคนจึงอยากลาออกจากงานประจำเพื่อไปทำธุรกิจส่วนตัว อิสรภาพทางการเงินถึงจะเป็นคำที่เคยฮอตฮิตกันเมื่อหลายปีมาแล้วแต่ก็ยังถือว่าสามารถนำเอากลับมาพูดซ้ำกันใหม่ได้ เพราะอิสรภาพถือเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มุ่งหวังไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ เงินทอง ชื่อเสียง การได้รับการยอมรับในสังคม สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนกับสิ่งที่ต้องมีให้ได้ ทุกคนจึงต้องพยายามแข่งขันกัน แต่ท่านเคยคิดไหมว่า การทำแบบนี้มันจะส่งผลอย่างไรต่อไปในชีวิตของท่านบ้าง
การที่จะบอกว่า การเริ่ม ทำธุรกิจส่วนตัว นั้นดีกว่าการทำงานเป็นลูกจ้างรับเงินเดือน ก็เห็นทีจะพูดไม่ได้เต็มปากเสียทีเดียว เพราะการเป็นลูกจ้างก็ถือว่ามีข้อดีอยู่บ้าง เพราะไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง แค่ต้องรับผิดชอบในส่วนงานที่ได้รับมอบหมายเพียงเท่านั้น ส่วนการทำธุรกิจส่วนตัวก็เป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้ตนเองได้ลองเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ตัวคุณเองเลือกที่จะเป็นแบบไหน และชอบแบบไหนมากกว่ากัน คนที่ชอบความมั่นคงในหน้าที่การงานส่วนใหญ่ ก็มักจะเลือกทำงานประจำที่รายได้มั่นคง สามารถควบคุมรายรับได้ในแต่ละเดือนและชอบที่จะทำงานตามคำสั่ง ส่วนใครที่ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง ชอบทำอะไรท้าทาย ชอบบริหารงานต่างๆด้วยตนเอง คิดเรียนรู้และพัฒนาอยู่เสมอ การลองทำธุรกิจก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นสีสันใหม่ๆให้ชีวิต
อ่านเพิ่มเติม >> 5 ก้าว เริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว สตาร์ทจุดไหนให้สำเร็จ ? <<
การ ทำธุรกิจส่วนตัว ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ง่ายๆ เรียกได้ว่ามีเงินทุนอย่างเดียวคงไม่พอ การที่คนหนึ่งคนจะสามารถสร้างฝัน ทำความฝันของตัวเองให้เป็นรูปธรรมให้คนอื่นได้เห็นขึ้นมาได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่ใช่ว่าเห็นคนอื่นทำธุรกิจอะไรได้กำไรก็จะลองทำดูบ้าง เห็นคนอื่นทำร้านกาแฟ ร้านนม ร้านเบเกอร์รี่ ก็อยากลองดูบ้างแต่ไม่ได้มีความรู้ความสามารถหรือสนใจในด้านนั้นๆเลย แบบนี้เป็นการลองผิดลองถูกที่มีความเสี่ยงเกินไปค่ะ เสี่ยงต่อการขาดทุนและไปไม่รอดเพราะคู่แข่งเยอะ
ดังนั้นการ ทำธุรกิจส่วนตัว ควรเริ่มจากสิ่งที่เรามีความชอบและสนใจก่อนเป็นอันดับแรก เช่น ถ้าชอบในเรื่องของการทำอาหาร ชอบคิดสูตรอาหาร ศึกษา ติดตามรายการทำอาหารเป็นประจำ ก็อาจจะเลือกทำร้านอาหารในสไตล์ที่ชอบ คิดเมนูเด็ดประจำร้านที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา เป็นต้น การทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะทำอะไรก็ได้ที่ทำง่ายและรวยเร็ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อคุณคิดจะทำแล้ว คุณจะต้องทำให้ได้ เมื่อเจอปัญหาก็จะต้องไม่ท้อถอย ประคับประคองกิจการไปตลอดรอดฝั่ง ถ้าหากเราทำตามเทรนท์สมัยนิยม โดยที่เราเองไม่ชอบจริงๆอาจจะทำให้เราอยู่กับสิ่งนั้นๆได้ไม่นานและไม่มีกำลังใจที่จะพยุงกิจการให้อยู่รอดต่อไปในยามที่เกิดปัญหาขึ้นได้
แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรล่ะว่า การผันตัวจากลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานเก็บเงินไปเรื่อยๆ มาทำธุรกิจส่วนตัวนั้น จะทำให้เราประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต
คำตอบง่ายๆอยู่ที่ตัวท่านเอง ศักยภาพของแต่ละบุคคลมีไม่เหมือนกัน คนที่จะประสบความสำเร็จ ทำธุรกิจแล้วรวยแล้วรุ่งได้ ไม่ใช่ว่าต้องใจร้อน รีบทำรีบลงทุน แต่ต้องมีความคิดที่รอบคอบ มีแผนงานที่ชัดเจนว่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร เป็นไปในทิศทางไหน ต้องใช้เงินลงทุนประมาณการเท่าไหร่ และต้องสำรวจตลาดด้วยว่าเป็นที่นิยมหรือมีแนวโน้มที่จะมีคนนิยมในอนาคตได้หรือไม่ การตั้งราคาก็เป็นส่วนสำคัญ หลายคนคงเข้าใจมาว่า การกำหนดราคาสินค้านั้นต้องมาจากการหักลบต้นทุนทุกอย่างออกหมดก่อน แล้วจึงตั้งราคาขาย แต่ในทางกลับกัน เราก็สามารถกำหนดราคาขายในแบบที่เราต้องการได้ เช่นตั้งราคาต่อชิ้นไว้ที่ 350 บาท เราต้องการทำยอดขายต่อเดือนให้ได้ 1,000 ชิ้น นั่นเท่ากับว่าภายใน 1 เดือน เราจะมีรายได้เข้ามาจากการขายสินค้าชิ้นนี้ 350,000 บาท ซึ่งราคาสินค้า 350 บาทต่อชิ้นนี้ เราก็มาดูว่า เราจะต้องใช้ต้นทุนในการผลิตไปเท่าไหร่ ต้นทุนนั้นอาจจะมากกว่าครึ่งหนึ่งของราคาขายหรือต่ำกว่า การที่เราตั้งราคาสินค้าของเราไว้ในระดับสูง เราก็ต้องผลิตสินค้าให้มีคุณภาพและที่สำคัญก็คือต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าดึงดูดด้วย
การสร้างเรื่องราวหรือสร้างคุณค่า มีส่วนช่วยให้ธุรกิจของเราดูมีความน่าเชื่อถือและดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะผู้คนในปัจจุบันให้คุณค่ากับสิ่งของที่ต้องการจะซื้อมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การแรงบันดาลใจในการผลิต และมาดูกันว่าสินค้าชิ้นนี้จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าในระดับใดบ้าง เช่น ให้คุณค่าทางจิตใจหรืออื่นๆ เป็นต้น นอกจากนี้ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การหาตลาดเพื่อกระจายสินค้า ต้องดูด้วยว่าสินค้าของเราเหมาะที่จะนำไปวางขายที่ไหน ถ้าเป็นเรื่องของอาหารการกิน เราสามารถเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ผ่านมาตรฐานแล้วส่งกระจายไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือการผลิตสินค้าแบบขายส่ง คือผลิตทีละจำนวนมากๆแล้วขายส่งในราคาที่ถูกกินกำไรต่อชิ้นในจำนวนมาก จะขายง่ายและได้กำไรเร็ว เพราะส่งออกขายไปทีละเยอะๆ แต่การที่จะทำในลักษณะนี้ได้ต้องผ่านการวางรากฐานการตลาด สร้างตัวตนของสินค้าให้เป็นที่ยอมรับเสียก่อน แล้วค่อยขยายกิจการออกไป หาแนวร่วมลงทุนที่สูงขึ้น ผลิตให้มากขึ้น เรื่องการมีคอนเนคชั่นที่ดีเป็นสิ่งที่จำเป็น ถ้าผู้ประกอบการเป็นคนที่มีความกว้างขวาง ฉลาดบริหารงานและสามารถใช้ทักษะภาษาอังกฤษได้ การกระจายสินค้าไปยังต่างประเทศก็มีโอกาสเพิ่มยอดขายได้มากยิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ไม่ว่าใครที่กำลังสนใจอยากลองหันมาประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวดูบ้าง ก็อยากจะขอให้ลองคิดทบทวนให้ดีเสียก่อนนะคะ จะรอดหรือจะล่ม ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นหลัก หากยังคิดว่ายังไม่พร้อมที่จะสามารถรับความเสี่ยงที่สูงได้ อาจจะต้องพิจารณาชั่งใจกันใหม่ หากคิดว่าแต่จะทำ แต่ไม่ศึกษาให้รอบคอบ อาจจะส่งผลเสียในระยะยาวได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะทำงานประจำหรือทำธุรกิจส่วนตัว ก็ขอให้ทุกท่านจงประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนะคะ สวัสดีค่ะ