บัตรทองหรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นโครงการที่รัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีหลักประกันทางด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง โดยในตอนแรกที่ทำขึ้นมาทุกคนสามารถจ่ายเพียงแค่ 30 บาทเท่านั้น ก็จะได้รับบริการรักษาทุกโรคจึงเรียกกันว่า “30 บาทรักษาทุกโรค” โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้ถือกำเนิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปี พ.ศ. 2545 บางคนบอกว่านี่เป็นโครงการที่ดีที่สุดเท่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยทำมาเลยทีเดียว มีการกำหนดเป็นกฎหมายตรา พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ต่อมาเรียกเหลือกันเพียงสั้น ๆ ว่า บัตรทอง เพราะไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียวมีการยกเลิกการจ่าย 30 บาท โดยเชื่อว่า 30 บาทนี้ เป็นเงินจำนวนไม่มากไม่มีผลกระทบอะไรกับสถานพยาบาล รวมถึงสถานพยาบาลจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาทำเรื่องบัญชีและจัดเก็บเงิน 30 บาทนี้
คนที่มีสิทธิ์ในบัตรทองหรือโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้ ก็คือ ประชาชนคนไทยทุกคนที่มีบัตรประชาชน และไม่ได้มีสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ประกันสังคมหรือสวัสดิการรักษาพยาบาลอื่นใดของภาครัฐ แม้แต่เด็กก็มีสิทธิ์ในประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้ โดยให้นำสูติบัตรไปยื่นรับสิทธิ์ได้ ในเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2553 กระทรวงสาธารณสุขยังได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพิ่มขึ้น โดยให้ยกเลิกการใช้บัตรทองสามารถใช้บัตรประชาชนแทนได้เลย หรือจะใช้บัตรที่มีรูปถ่ายที่ราชการออกให้ที่มีเลขบัตรประชาชนอยู่ก็ได้ เช่น ใบขับขี่และมีระบบที่เชื่อมต่อกันทำให้สถานพยาบาลสามารถตรวจสอบสิทธิ์ของผู้มารับบริการได้ว่าเป็นสิทธิ์บัตรทอง สิทธิ์บัตรประกันสังคมหรือสิทธิ์ข้าราชการ
หลังจากเวลาผ่านไปมีการเปลี่ยนรัฐบาลจนมาถึงรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในปัจจุบัน ก็มีข่าวลือออกมาตลอดว่าจะมีการล้มเลิกบัตรทอง เนื่องจากปัญหาการแบกรับภาระขาดทุนของโรงพยาบาลจากการให้บริการผู้ป่วยบัตรทองนี้ โรงพยาบาลเมื่อขาดทุนก็เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ภาระของแพทย์และพยาบาลก็หนักขึ้นเนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยมาก มาตรฐานการให้การรักษาและดูแลผู้ป่วยก็ต่ำลง ปัจจุบันมีประชาชนคนไทยที่อยู่ในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้มากถึง 48 ล้านคน งบประมาณต่อหัวแบบเหมาจ่ายของปี 2559 ล่าสุดก็อยู่ที่ 3,029 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต งบประมาณของโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าลนี้มีมูลค่ามากสูงถึง 4.6% ของจีดีพีทั้งประเทศ
หลายฝ่ายต่างก็ออกมาเสนอแนะวิธีแก้ปัญหาในเรื่องของงบประมาณของโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก ประชาชนคนไทยทุกคนมีสิทธิ์ในการได้รับการรักษาพยาบาลโดยเสมอภาคฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่เรื่องของงบประมาณและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งสำคัญมีข้อเสนอให้มีการร่วมจ่าย คือ คนจนไม่ต้องจ่าย แต่คนมีสามารถร่วมจ่ายได้ถือเป็นการช่วยกันเพื่อให้โครงการนี้อยู่ต่อไปได้ เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้ยกเลิกและก็ไม่น่าจะมีใครกล้าเสนอให้ยกเลิกด้วย แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว
จนมาถึงช่วงเวลาของการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีการลงประชามติกันในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 นี้ ก็มีข่าวออกมาว่ามีผู้ที่ต้องการยกเลิกระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าและต้องการเปลี่ยนแปลงให้ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ปัจจุบันให้ลสิทธิ์ประชาชนเท่าเทียมกันกลับไปเป็นแบบสงเคราะห์หรือแบบอนาถาแทน ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงกันมากว่า โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะถูกยกเลิกจริง ๆ หรือไม่
ทางนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายต่อหลายครั้ง เพื่อยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้แต่อย่างใด แต่ก็ยอมรับว่าเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมากจริง ๆ ท่านได้ยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องมีประกันสุขภาพถ้วนหน้าไว้บริการประชาชนคนไทยทุกคนต่อไป จึงอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้โครงการนี้อยู่ต่อไปได้ด้วย
ทางด้านศาสตราจารย์นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบันก็ได้ออกมาแสดงถึงความต้องการในการปฏิรูประบบประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าจะเป็นการยกเลิกบัตรทองหรือไม่ แต่ทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกบัตรทองอย่างแน่นอน แต่จะเป็นการพัฒนาระบบของบัตรทองให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ล่าสุดในเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการลงคำพูดยืนยันของนายกรัฐมนตรีในเรื่องของบัตรทองว่าจะไม่ยกเลิกและไม่คิดจะยกเลิก แต่จะคิดวิธีหาเงินเพื่อมาบริหารให้ดีขึ้น ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ยืนยันไม่มีการยกเลิกบัตรทองอย่างแน่นอน แต่จะปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปรวมถึงนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญก็ออกมาบอกเช่นกันว่า เรื่องบัตรทองที่มีคนปล่อยข่าวว่ายกเลิกนั้นไม่จริง มาตรา 258 ยังรองรับกองทุนที่มีอยู่จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อให้ถึงประชาชนโดยตรงเพื่อให้ระบบนี้ยั่งยืนต่อไป
แม้แต่ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ก็ได้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้เช่นกันโดยย้ำว่า หลักของการดูแลประชาชนต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จะมาคำนึงถึงแต่ฐานะทางเศรษฐกิจไม่ได้ และขอยืนยันว่าไม่มีใครล้มบัตรทอง เพราะเป็นของประชาชนคนไทยทุกคนที่จ่ายภาษีทางอ้อม
เมื่อหลายฝ่ายออกมายืนยันว่าจะไม่ยกเลิกบัตรทองอย่างแน่นอน ก็ทำให้ประชาชนคนไทยอุ่นใจได้ว่าเราจะยังคงมีระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าไว้ฝากผีฝากไข้ได้ต่อไป ในฐานะของประชาชนก็มีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้ด้วยการช่วยแบ่งเบาภาระงบประมาณดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง หมั่นออกกำลังกาย เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายก็จะทำให้สุขภาพแข็งแรงและปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บได้
อ้างอิง