วิธี คิดค่างวดผ่อนรถ ก่อนตัดสินใจซื้อ

ปัจจุบัน “รถยนต์” ได้เข้ามามีบทบาทในการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ทั้งการประกอบอาชีพและติดต่อกิจธุระต่างๆ หากคุณจำเป็นที่จะต้องมีรถยนต์เพื่อใช้ในการติดต่อเดินทางแล้ว “การผ่อนรถยนต์” จะช่วยให้คุณเป็นเจ้าของรถได้ไม่ยากเพียงแค่คุณมีเงินต้นส่วนหนึ่ง แต่ต้องคำนวณค่างวดดีๆว่า คุณเองพร้อมที่จะผ่อนรึยัง เกินกำลังไปไหมหรือจากที่จะเป็นตัวกำลังเสริม แต่กลับเพิ่มภาระมากขึ้น ข้อความหลังจากนี้จะแสดงถึงหลักการ คิดค่างวดผ่อนรถ

เริ่มจาก :

นำราคารถ – เงินดาวน์ = ยอดไฟแนนซ์  (สมการที่ 1)

นำยอดไฟแนนซ์ x ดอกเบี้ยต่อปีที่ต้องการผ่อน (สมการที่ 2 )

(เช่น ดอกเบี้ย 4 ปี 2.39%, 5 ปี 2.65% หรือตามแคมเปญของเซลแต่ละคน และแต่ละโชว์รูม)

เมื่อได้ดอกเบี้ยต่อปีแล้วก็เอามา x จำนวนปีที่ผ่อน (เช่น 4 ปี, 5 ปี, 6 ปี) (สมการที่ 3 )

นำคำตอบของสมาการที่ 3 ไป + กับสมการที่ 1 = ยอดที่ต้องจ่ายจริง (สมการที่ 4)

นำยอดที่ต้องจ่ายจริง (สมการที่ 4 ) /  จำนวนเดือนที่ผ่อน = ค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือน

*ยังไม่รวม VAT

1. ราคาเต็ม – ส่วนลดเงินสด = ราคารถจริงๆ
2. ราคารถจริงๆ * %ที่ท่านจะดาวน์ = เงินที่ท่านต้องดาวน์
3. ราคารถจริงๆ – เงินที่ท่านต้องดาวน์ = เงินที่ท่านต้องกู้ไฟแนนท์
4. (เงินที่ท่านกู้ไฟแนนท์ * ดอกเบี้ย * จำนวนปีที่ท่านผ่อน) / จำนวนงวด = เงินที่ผ่อนต่องวด

แล้วถ้ามีเงินก้อนล่ะ อยากจะปิดงวดหนี้สินเชื่อรถทั้งหมดเริ่มอย่างไรดี?

กรณีผ่อนชำระค่างวดสินเชื่อรถยนต์ไปได้สักระยะ มีเงินก้อนขึ้นมาพอที่จะชำระได้ทั้งหมด ผู้เช่าซื้อรถยนต์ต้องการชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ทั้งหมดเพื่อปิดบัญชีเช่าซื้อรถยนต์ ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยรายละเอียดเกี่ยวกับการปิดบัญชีสินเชื่อรถก่อนกำหนด ผู้ให้สินเชื่อรถต้องให้ส่วนลดแก่ผู้เช่าในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดจ่ายหรือค้างชำระดอกเบี้ยอยู่

เมื่อปิดบัญชีเช่าซื้อรถกับทางไฟแนนซ์รถอาจจะมีค่าธรรมเนียมในเรื่องของเอกสาร และค่าโอนรถยนต์กรรมสิทธิ์กลับคืนให้แก่ผู้ขอสินเชื่อรถหรือที่เรียกว่าผู้เช่าซื้อรถยนต์ ในรายละเอียดส่วนนี้เป็นเพียงการคำนวณเบื้องต้นทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับประวัติการชำระเงินด้วยว่ามีการจ่ายค่างวดตรงไหม เป็นลูกหนี้ที่ดีหรือไม่ แต่ละแห่งมีเงื่อนไขที่อาจจะเหมือนกันหรือแตกต่างกันโดยสอบถามรายละเอียดโดยตรงจึงจะได้ข้อมูลที่สุดต้องที่สุด

อีกกรณีนึงคือ จะผ่อนแบบชิลๆ กับ มีแล้วโปะ ตัวไหนเวอร์กว่ากัน

ตัวอย่างเช่น รถยนต์คันใหม่ป้ายแดงเราต้องการผ่อน 60 งวด ราคา 800,000 บาท ดอกเบี้ย 4% ต่อปี

1.แบบผ่อนชิลๆๆ ไปเรื่อยๆจนครบ 60 งวด 

เงินต้นจะเท่ากับ 800,000 + ดอกเบี้ย 160,000

2.แบบต่อมาผ่อนมาแล้ว 30 งวดอยากปิดแล้ว ตามตารางข้างล่าง

ปิดก่อน ดอกเบี้ย ลด 50%  80,000 / 2 = 40,000

เท่ากับจำนวนเงินที่เราต้องไปโปะทั้งสิ้น 440,000 บาท รวมเงินที่ประหยัดได้  40,000 บาท

3.แบบโปะ ทบเท่ากันทุกเดือน ตามตารางข้างล่าง

เงินที่ผ่อนไปทั้งหมด 960,000 บาทผลที่ได้คือผ่อนสั้นลง 30 งวด ปิดบัญชีก่อนแต่ดอกเบี้ยไม่ลด

สรุปข้อมูลทั้งหมด ดังนี้

ทั้งหมดนี้เป็นการคำนวณตัวเลขไว้ให้ประกอบการตัดสินใจคร่าวๆว่าแบบไหนดีและเหมาะกับตัวคุณ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ การใช้จ่าย แบ่งสรรบันส่วนให้เหมาะกับแต่ละช่วงชีวิต ในแบบที่ไม่ตึงมากเกินไป หรือหย่อนไปจนไม่มีเงินชำระหนี้นะคะ