บัตรเครดิตในปัจจุบันนอกจากจะมีให้เลือกมากมายหลายบัตรจากหลายค่ายผู้ออกบัตรแล้ว บัตรเครดิตจากค่ายเดียวกันยังมีให้เลือกสมัครอีกหลายประเภทบัตรด้วย การเลือกใช้บัตรเครดิตที่มีวัตถุประสงค์ของบัตรตรงตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานของเราก็จะทำให้เกิดความคุ้มค่าและได้ประโยชน์มากที่สุด
วันนี้เราจะมาคุยกันถึงบัตรเครดิตอีกประเภทหนึ่งที่ถือว่าเป็นที่นิยมชมชอบของเหล่าผู้ถือบัตรกันมาก เนื่องจากเป็นบัตรประเภทที่มีเงินคืนหากมียอดใช้จ่ายตามประเภทและจำนวนเงินตามที่กำหนดไว้ เรียกง่าย ๆ ว่าเหมือนกับเราได้ส่วนลดทุกครั้งที่เรารูดบัตรไปนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น บัตรเครดิตที่ให้เงินคืน 1% ของยอดใช้จ่าย ก็หมายความว่า หากเรามียอดใช้จ่ายภายในรอบบัญชี 10,000 บาท เราจะได้เครดิตเงินคืนเข้าบัญชีเราในเดือนถัดไปเป็นมูลค่า 1% x 10,000 = 100 บาท
บัตรเครดิตประเภทเงินคืน หรือ Cash Back ส่วนใหญ่จะไม่มีการสะสมคะแนนอีก เนื่องจากถือว่าได้ให้เงินคืนตามยอดใช้จ่ายแล้ว แต่ก็มีบางบัตรเหมือนกันที่ยังคงให้ทั้งเงินคืนและคะแนนสะสมด้วย ทั้งนี้ก็เป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละค่ายผู้ออกบัตร หากผู้ถือบัตรชอบแบบเงินคืนมากกว่าการสะสมคะแนน เนื่องจากการสะสมคะแนนต้องรอให้ครบก่อนแล้วถึงติดต่อเพื่อทำการแลกคะแนนอีก ชอบแบบเครดิตเงินคืนเข้าบัญชีทันทีเลยมากกว่า ก็สามารถเลือกสมัครบัตรเครดิตประเภทเงินคืนนี้ได้
การใช้บัตรเครดิตประเภทเงินคืนให้เกิดความคุ้มค่านั้น ควรเป็นการใช้บัตรแบบจ่ายคืนเต็มวงเงินเท่านั้น หากเป็นการจ่ายคืนแบบขั้นต่ำหรือบางส่วนและหวังว่าจะใช้เงินคืนจากยอดใช้จ่ายเพื่อมาจ่ายดอกเบี้ยนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง คิดผิดอย่างมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของหนี้ค้างชำระบัตรเครดิตคิดที่อัตราสูงสุด 20% ต่อปี ในขณะที่เงินเครดิตคืนเข้าบัญชีที่แต่ละค่ายเสนอให้อยู่ที่ประมาณ 0.5% – 5% เท่านั้น
การเลือกบัตรเครดิตแบบเงินคืนเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและตรงตามวัตถุประสงค์ ลูกค้าจะต้องพิจารณาเงื่อนไขของเงินคืนของบัตรนั้น ๆ ด้วยว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เพราะหากไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานก็จะไม่เกิดประโยชน์ เช่น บัตรเครดิตที่ให้เงินคืนกับยอดใช้จ่ายผ่านปั๊มน้ำมันเหมาะกับผู้ถือบัตรที่ใช้รถยนต์และต้องเติมน้ำมันที่ปั๊มอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว และต้องดูเงื่อนไขอื่น ๆ ด้วยว่ามีเพิ่มเติมอะไร เช่น มีกำหนดปั๊มน้ำมันหรือไม่ หรือต้องมียอดถึงในแต่ละครั้งที่รูดด้วย เช่น ต้องรูดต่อครั้งถึง 800 บาท แต่ไม่เกิน 1,600 บาท และภายในรอบบัญชีต้องไม่เกิน 4,000 บาท แบบนี้เป็นต้น บางบัตรให้อัตราเงินคืนสูงแต่มีวงเงินคืนสูงสุดที่ต่ำกว่า ในขณะที่บางบัตรให้อัตราเงินคืนต่ำกว่าแต่มีวงเงินคืนที่สูง เราควรพิจารณาจากรายการใช้จ่ายประจำเดือนของเราว่าปกติเราใช้จ่ายส่วนใหญ่ไปกับเรื่องใดและมีจำนวนเงินประมาณเท่าไหร่ ถึงจะพิจารณาเลือกบัตรที่ตรงตามวัตถุประสงค์ได้ นอกจากนั้นควรตรวจสอบเงื่อนไขด้วยว่าเงินเครดิตที่จะคืนเข้าบัญชีบัตรของเรานั้นจะคืนตอนไหน บางบัตรก็คืนเร็วในรอบบัญชีถัดไปเลย บางบัตรก็ช้ากว่านั้น เป็นต้น
เรามาลองดูตัวอย่างบัตรเครดิตประเภทเงินคืนที่เป็นที่นิยมของลูกค้าในปัจจุบันกันว่ามีวัตถุประสงค์และเงื่อนไขอย่างไรกันบ้าง
เป็นบัตรเครดิตประเภทเงินคืนที่ให้เงินคืน 1% ของทุกยอดการใช้จ่าย ช่วงนี้มีเงินคืนสำหรับยอดการเติมน้ำมันผ่านปั๊มเชลล์ด้วย โดยจะมีเงินคืน 1% ทุกการเติมน้ำมัน 800 บาทต่อครั้งไม่เกิน 1,600 บาท สูงสุดไม่เกิน 4,800 บาทในรอบเดือนโดยต้องลงทะเบียนผ่าน SMS เพื่อได้รับสิทธิ์จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 นี้ โดยยอดเครดิตคืนสูงสุดต่อบัตรต่อรอบบัญชีสูงถึง 2,000 บาท เป็นบัตรที่มีข้อยกเว้นสำหรับยอดใช้จ่ายที่ไม่รวมคำนวณเพื่อเครดิตเงินคืนค่อนข้างน้อยมาก ยอดที่ไม่รวมก็มียอดที่ใช้จ่ายสำหรับกองทุนรวม ไฟฟ้า น้ำประปา เติมน้ำมัน ห้างแมคโคร และการเบิกเงินสดล่วงหน้า ช่วงนี้มีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่ของซิตี้แบงก์ในการสมัครบัตร Cash Back จนถึง 31 ตุลาคม 2559 โดยหากสมัครบัตรผ่านทางออนไลน์ และใช้จ่ายผ่านบัตรภายใน 30 วันครบ 5,000 บาท จะได้รับเงินคืน 1,000 บาท เข้าบัญชีภายใน 4-8 สัปดาห์
สำหรับค่าธรรมเนียมปีแรกของบัตรจะได้รับการยกเว้น สำหรับปีต่อไปปีละ 2,000 บาท จะได้รับการยกเว้นหากมียอดใช้จ่ายครบ 60,000 บาท
หากรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของเราในแต่ละเดือนค่อนข้างหลากหลายไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นการใช้จ่ายประเภทใดประเภทหนึ่ง การเลือกใช้บัตรเครดิตคืนเงินแบบที่มีข้อจำกัดหรือข้อยกเว้นไม่มากอย่างบัตรซิตี้แบงก์แคชแบ๊กก็จะได้ประโยชน์มากกว่า
- บัตรเครดิตธนชาตมาสเตอร์การ์ดแพลตตินั่ม
เป็นบัตรเครดิตที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเงินคืนจากยอดการใช้จ่ายปั๊มน้ำมัน เนื่องจากให้เงินคืนสูงสุดถึง 3.5% ทุกยอดการใช้จ่ายผ่านปั๊มน้ำมันทั่วโลกตลอดอายุของบัตร โดยไม่มีกำหนดขั้นต่ำของการรูดและไม่ต้องสมัครหรือส่ง SMS แต่กำหนดยอดสูงสุดไว้ที่ไม่เกิน 5,000 บาทต่อรอบบัญชี และเงินคืนสูงสุดต่อบัตรต่อรอบบัญชีไม่เกิน 230 บาท การเครดิตเงินคืนจากยอดรูดผ่านปั๊มน้ำมันจะคิดเป็นแบบขั้นบันได โดยคิดที่ 3.1% สำหรับยอดที่ไม่เกิน 5,000 บาท หากยอดที่เกิน 5,000 บาทแต่ไม่เกิน 10,000 บาทจะได้รับเครดิตเงินคืนที่ 1.5% นอกจากนั้นยอดที่รูดผ่านปั๊มน้ำมันนี้ยังสามารถได้คะแนนสะสมทุก ๆ ยอด 25 บาทจะได้ 1 คะแนน ทุก 1,000 คะแนน มีค่า 100 บาท จะสามารถแลกเป็นของรางวัลหรือบัตรของขวัญ หรือจะแลกเป็นเงินเครดิตคืนเข้าบัญชีก็สามารถทำได้
ค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิตธนชาตมาสเตอร์การ์ดแพลตตินั่มจะฟรีค่าธรรมเนียมในปีแรก ปีถัดไป 400 บาท แต่จะได้ยกเว้นเมื่อมียอดใช้จ่ายครบ 30,000 บาท
บัตรเครดิตธนชาตมาสเตอร์การ์ดแพลตตินั่มเหมาะกับผู้ที่มีค่าใช้จ่ายประจำเป็นค่าน้ำมันต่อเดือนที่มาก เนื่องจากให้เครดิตเงินคืนสูงถึง 3.5% ของยอดการใช้จ่ายและให้เงินคืนจากยอดสูงสุดถึง 10,000 บาทและไม่ได้จำกัดแบรนด์ของปั๊มน้ำมันด้วย คือเติมได้ทุกปั๊ม แม้เงินคืนต่อเดือนจะดูไม่มากนัก แต่เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่เราต้องจ่ายทุกเดือนอยู่แล้ว ก็จะถือเป็นส่วนลดค่าน้ำมันรถได้ ปีหนึ่งก็รวมยอดได้เยอะเป็นเงินถึงกว่าพันบาททีเดียว
นอกจากบัตรเครดิตที่ยกตัวอย่างด้านบนแล้วก็ยังมีบัตรเครดิตแบบเงินคืนอีกมากมายจากหลายค่ายที่ผู้สมัครควรพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนสมัคร เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่น
- บัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ดไทเทเนียมของกสิกรไทย
ที่ให้เงินคืน 1% ของยอดใช้จ่ายผ่านปั๊มน้ำมัน ซุปเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร และ 0.5% สำหรับยอดการใช้จ่ายอื่น ๆ โดยมีเงื่อนไขว่าเงินเครดิตคืนสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อบัตรต่อรอบบัญชี และเครดิตเงินคืนของยอดใช้จ่ายในแต่ละประเภทสูงสุดไม่เกิน 500 บาทต่อบัตรต่อรอบบัญชี
- บัตรเครดิตไทเทเนียม ธนาคารกรุงเทพ
ให้เครดิตเงินคืนตามยอดใช้จ่ายเป็นแบบขั้นบันได เริ่มต้นที่ 0.5% สำหรับยอดใช้จ่ายไม่เกิน 25,000 บาท 0.75% สำหรับยอดไม่เกิน 100,000 บาท 1% สำหรับยอดไม่เกิน 200,000 บาท และยอดที่เกิน 200,000 บาทจะมีเงินคืนสูงถึง 2% สำหรับบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพในช่วงนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2559 ยังมีโปรแกรมเงินคืนสำหรับยอดใช้จ่ายผ่านปั๊มน้ำมันที่ร่วมรายการ โดยหากเป็นบัตรไทเทเนียม ทุกยอด 800 บาทที่รูดผ่านปั๊มน้ำมันจะได้รับเงินคืนสูงถึง 3% โดยจำกัดจำนวนไม่เกิน 6 ครั้งต่อบัตรต่อรอบบัญชีสมัครบัตรไทเทเนียมวันนี้ รับเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิตตามยอดค่าใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุด 2% ต่อรอบบัญชี