ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่จบสิ้น ทำให้ค่าครองชีพสูงตามไปด้วย เพราะการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ จึงเกิดปัญหาสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย ผู้ที่มีรายได้ขั้นต่ำไม่ถึง 10,000 บาท จำเป็นต้องดิ้นรนหาหนทางในการอยู่รอด ซึ่งทางเลือกหนึ่งที่น่าจะมีประโยชน์กับผู้คนเหล่านี้ได้ ก็คือ บัตรกดเงินสด เป็นบัตรที่สามารถเบิกเงินสดมาใช้ล่วงหน้าได้ แถมยังสามารถใช้ชำระสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ได้ แต่ก็มีค่าธรรมเนียมและอัตรดอกเบี้ยที่สูงเช่นเดียวกัน คุณจะต้องศึกษารายละเอียดให้เข้าใจก่อนที่จะใช้บัตรเหล่านี้
ในการสมัครบัตรกดเงินสด คนที่สมัครก็จะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม และสามารถสมัครใช้งานบัตรกดเงินสดได้ แต่ก็มีบางคุณสมบัติที่ทำให้ไม่ผ่านการสมัครด้วยเช่นกัน เรามาดูกันว่าคุณสมบัติแบบไหนที่ สมัครบัตรเงินสด กี่ครั้งก็ ไม่ผ่านกันค่ะ
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกคือเรื่องสถานภาพทางการเงินของผู้ที่จะขอสมัครบัตรกดเงินสด เพราะเรื่องสถานภาพทางการเงินนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุดและเข้าใจง่ายที่สุด ซึ่งก่อนที่จะสมัครบัตรเงินสดนั้นให้ตรึกตรองให้ดีก่อนว่าต้องการมีบัตรกดเงินสดเพื่ออะไรเช่น ต้องการมีบัตรกดเงินสดไว้สำรองใช้จ่ายในยามฉุกเฉินเมื่อถึงคราวคับขันต้องการใช้เงินอย่างรวดเร็วที่สุดเมื่อเงินสำรองไม่มีก็จำเป็นที่จะต้องหาเงินมาสำรองใช้จ่ายซึ่งทางออกคงหนีไม่พ้นเรื่องกู้ยืมหรือการใช้บัตรกดเงินสด
สถานภาพทางการเงินก่อนที่จะสมัครบัตรกดเงินสด
ก่อนที่จะสมัครบัตรกดเงินสดสำรวจสถานภาพการเงินของตนเองก่อนว่าจะเอาเงินไปทำอะไรสถานภาพจะมีเงินใช้คืนไหม เพราะก่อนที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะอนุมัติบัตรกดเงินสดนอกจากจะพิจารณาถึงสถานภาพทางการเงินแล้วยังพิจารณาถึงคุณสมบัติของของผู้ที่จะสมัครบัตรกดเงินสดด้วยเช่นกัน แล้วคุณสมบัติแบบไหนกันที่สมัครกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่ได้รับการอนุมัติ
คุณสมบัติของผู้ที่ สมัคร บัตรกดเงินสด ไม่ผ่าน
ในการรับสมัครบัตรกดเงินสด บัตรเครดิต หรือสินเชื่อต่าง ๆ นั้น ขึ้นอยู่กับ ธนาคาร หรือ สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นเจ้าของสินเชื่อจะเป็นผู้กำหนด ส่วนท่านที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ธนาคาร หรือสถาบันการเงินมักจะไม่พิจารณาให้โดยง่าย
- อายุตัวยังไม่ถึงกำหนด หรืออาจจะเลยกำหนดที่ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินได้กำหนดไว้
- อายุงานไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
- มีฐานเงินเดือนน้อยกว่า 15,000.- บาท
- หากเป็นผู้ที่มีการผ่อนชำระสินเชื่ออื่นอยู่แล้ว ไม่ผ่อนชำระให้ตรงเวลา และมีการติดค้างค่างวด
- ไม่มีที่พักอาศัยที่แน่นอนชัดเจน
- ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อทั้งที่ทำงาน และที่พัก
- มีรายชื่อติดเครดิตบูโร หรือติด แบล๊คลิสต์
ผู้ที่จะสมัครบัตรกดเงินสดนั้นถ้าหากมีปัญหาเรื่องแบล๊คลิสต์นี้เป็นปัญหาที่ค่อนข้างสำคัญเพราะเป็นการบ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือของผู้สมัครในการที่จะสมัครบัตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสมัครขอสินเชื่อ หรือสมัครบัตรเครดิตรวมถึงบัตรกดเงินสดด้วย
เรื่องแบล๊คลิสต์นั้นมีมาตั้งแต่ที่มีองค์กรอิสระจัดตั้งขึ้นมาเพื่อจัดเก็บข้อมูลเครดิตธนาคารและสถาบันการเงินของเมืองไทยทั้งหมด จะต้องทำการส่งประวัติของการชำระสินเชื่อมาที่องค์กรนี้ เพื่อเป็นฐานข้อมูล ไว้สำหรับตรวจสอบก่อนที่จะอนุมัติสินเชื่อต่าง ๆซึ่งนั่นก็หมายความว่า ถ้าหากผู้ขอกู้มีการผ่อนชำระค่างวดต่างๆ เช่น ค่างวดรถที่ยังอยู่กับไฟแนนซ์ หรือค่างวดอื่น ๆ ที่ได้มีการใช้บัตรเครดิตรูดไว้ ข้อมูลเหล่านี้จะเข้าไปในระบบของเครดิตบูโร หากผู้กู้มีการค้างชำระหลาย ๆ งวดติดกัน หรือไม่ได้ส่งเลย ชื่อก็จะเข้าไปในระบบแบล๊คลิสต์ทันที ทำให้ไม่สามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้
หลายท่านก็คงมีความสงสัยว่าถ้าใช้หนี้หมดแล้ว จะยังมีชื่ออยู่ในระบบแบล๊คลิสต์หรือไม่ คำตอบก็คือ ถ้าหากมีการชำระหนี้หมดแล้ว ชื่อก็จะถูกปลดออกจากระบบ แต่ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจในการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือสมัครบัตรกดเงินสดได้ ให้รอ 1 ปี หลังจากที่ชื่อถูกปลดออกจากแบล๊คลิสต์ แต่บางท่านก็ยังพบปัญหาอีกว่าเงินก็จ่ายหมดแล้ว ชื่อก็ปลดออกจากระบบแบล๊คลิสต์แล้วทำไมยังสมัครบัตรกดเงินสดไม่ผ่านสักทีนั้นก็เป็นไปได้ว่านอกจากธนาคารจะดูข้อมูลประวัติจากเครดิตบูโรแล้ว ธนาคารเองยังมีการเก็บประวัติไว้เองด้วย
ดังนั้นทางที่ดีควรเปลี่ยนไปสมัครกับธนาคารอื่นที่ไม่ใช่ธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่เคยค้างค่างวด และผู้สมัครควรมีคุณสมบัติตามที่ธนาคาร หรือสถาบันการเงินกำหนดไว้ ไม่ว่าจะสมัครบัตรกดเงินสด บัตรเครดิต หรือสินเชื่อต่าง ๆ ก็ตาม
ตามข้อ 3 ของคุณสมบัติในการสมัครบัตรกดเงินสดได้ระบุชัดเจนว่า มีฐานเงินเดือนน้อยกว่า 15,000.- บาท ก็จะพิจารณายากหน่อย แต่ทั้งนี้ก็มีบางสถาบันการเงินที่เห็นใจ และอยากให้ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000.- บาท ได้ใช้บัตรกดเงินสดได้ ซึ่งเราขอแนะนำสถาบันทางการเงินที่ให้ผู้มีรายได้น้อย ฐานเงินเดือน 10,000 บาท สามารถขอบัตรกดเงินสดได้ ส่วนในเรื่องของการคิดอัตราดอกเบี้ยของแต่ละแห่งนั้นเป็นอย่างไร ลองมาดูรายละเอียดด้านล่างนี้เลยค่ะ
-
ธนาคารกรุงไทย (สินเชื่อพร้อมใช้ KTC PROUD)
บัญชีสินเชื่อพร้อมใช้ KTC PROUD คือ สินเชื่อที่อนุมัติเงินประเภทหมุนเวียน เพื่อให้คุณมีเงินสดสำรองไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน หรือโอกาสพิเศษ ผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปสามารถขอกู้ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย แต่มีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ให้สามารถบริหารเงินได้อย่างเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น
รายละเอียดเพิ่มเติม (ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2559)
- วงเงินอนุมัติสูงสุดเป็นไปตามเกณฑ์ การพิจารณาของ เคทีซี โดยให้วงเงินอนุมัติขั้นต่ำ 10,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน
- ระยะเวลาในการกู้ยืม คุณสามารถผ่อนชำระได้ โดยสามารถเลือกชำระตามยอดเงินขั้นต่ำ 3% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ หรือ 300 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
- อัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 15% ต่อปี และอัตราค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 13% ต่อปี รวมสูงสุดไม่เกิน 28% ต่อปี
- การคำนวณเป็นรายวันจากยอดเงินต้นค้างชำระ นับจากวันที่ทำรายการ หรือถือว่าได้ทำรายการจนถึงวันที่มีการชำระคืนครบถ้วน ในกรณีที่คุณใช้บริการแบ่งชำระ FLEXI ผ่านทางเครื่อง EDC เคทีซีจะคำนวณตามระยะเวลาแบ่งชำระที่คุณเลือก
- อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน (อัตราดอกเบี้ยฯ) บริการแบ่งชำระ FLEXI คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยฯ แบบคงที่ (Flat Rate) ต่อเดือนเทียบเท่ากับอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกต่อปี (Effective Rate) ตามตาราง
หมายเหตุ : ข้อมูลทั้งหมดเรานำมาจากธนาคารเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 (ทั้งนี้ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารฯ)
-
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์)
สินเชื่อที่ให้คุณสามารถเบิกถอนเงินสดได้สูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน ผู้ที่มีฐานเงินเดือนขั้นต่ำ 10,000 บาทก็สามารถขอกู้ได้ ผ่านทางระบบออนไลน์ของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ทั้งนี้คุณจะต้องศึกษาเกี่ยวกับรายละเอียด อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ค่าปรับ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก่อนการตัดสินใจในการสมัคร
รายละเอียดเพิ่มเติม (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2559)
- วงเงินอนุมัติได้ถึง 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน หรือสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ฐานเงินเดือนขั้นต่ำ 10,000 สามารถสมัครใช้งานได้ทางระบบออนไลน์ (สำหรับกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ คาร์ด)
- ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าธรรมเนียมรายปี
- ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน แบบลดต้นลดดอกและค่าปรับกรณีชำระคืนกำหนด สูงสุดไม่เกิน 28% ต่อปี ดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 15% ต่อปี ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินไม่เกิน 13% ต่อปี ไม่มีค่าปรับในการชำระหนี้ช้ากว่ากำหนด วันที่เริ่มคิดดอกเบี้ยนและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ผ่านชำระสินค้า และโอนยอดคงค้างสินเชื่อ เริ่มคิดจากวันที่บันทึกรายการเบิกถอนเงินสด หรือ เริ่มคิดจากวันที่ทำรายการ
- ระยะเวลาการชำระคืนโดยปลอดดอกเบี้ย ไม่มีกำหนด ส่วนอัตราการผ่อนชำระคืนขั้นต่ำ ผ่อนเป็นเดือน ๆ เท่า ๆ กัน หรือ 5% ของยอดเงินตามใบแจ้งยอดแต่ละเดือน (ไม่น้อย กว่า 500 บาท)
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าอากรแสตมป์ 1 บาทต่อทุก ๆ วงเงินที่อนุมัติ 2,000 บาท และเศษของ 2,000 บาท (เรียกเก็บเพียงครั้งเดียวเมื่อมีการใช้ในครั้งแรก)
สำหรับรายการสินเชื่อที่สมาชิกได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ในกรณีที่สมาชิกไม่ชำระค่างวด หรือชำระไม่ครบถ้วน ตรงตามกำหนดอัตราดอกเบี้ยของสมาชิก จะมีการเปลี่ยนแปลงกลับเป็น “อัตราดอกเบี้ยปกติ” (ดอกเบี้ย 15% ต่อปี และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน 13% ต่อปี) ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ดังกล่าว กรุณาชำระเงินให้ครบถ้วนตรงตามกำหนด โดยเมื่อสมาชิกได้ชำระเงินครบตรงตามกำหนดแล้ว สมาชิกจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษตามเดิม
หมายเหตุ : ข้อมูลทั้งหมดเรานำมาจากธนาคารโดยตรงเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 (ทั้งนี้ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารฯ)
-
ยูเมะ พลัส (บัตรกดเงินสด ยูเมะ พลัส)
บัตรเดียวเอาอยู่ เพียงคุณมีบัตรกดเงินสด ยูเมะพลัสเพียงใบเดียวคุณก็สามารถทั้งเบิกถอนเงินสด ชำระสินค้าและบริการ และที่สำคัญ ผู้ที่มีฐานเงินเดือนน้อยขั้นต่ำ 7,000 บาทก็สามารถขอบัตรกดเงินสดนี้มาใช้ได้อีกด้วย เป็นการเพิ่มอิสระภาพทางการเงินและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย แต่คุณต้องศึกษาเกี่ยวกับดอกเบี้ย ค่าปรับและค่าธรรมเนียมก่อนการตัดสินใจ
รายละเอียดเพิ่มเติม
- วงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 5 เท่า ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และรายปีตลอดชีพ
- อัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินไม่เกิน 28% ต่อปี (แบบลดต้นลดดอก)
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่างเช่น อากรแสตมป์ คิด 1 บาททุก ๆ วงเงินกู้ 2,000 บาท หรือเศษของเงินกู้ 2,000 บาท
- ฟรีค่าธรรมเนียมในการโอนเงินเข้าบัญชี ผ่านบริการโทรสั่งเงินโอนเข้าบัญชี (Easy Tele Cashing: ETC) และบริการส่งเงินผ่านทาง Mobile Application (Easy Mobile Cashing: EMC)
- ชำระค่างวดสบาย ๆ ขั้นต่ำเพียง 3% ของเงินต้นคงค้าง หรือไม่ต่ำกว่า 200 บาท
- เพียงสมัครผ่านทางออนไลน์ คุณก็สามารถรับบัตรได้ง่าย ๆ อนุมัติเร็ว พร้อมกับกดเงินได้ทันทีเมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว
- คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ตามยอดเงินที่ใช้จริง ไม่กดเงินสดก็ไม่เสียดอกเบี้ย
ตางรางดอกเบี้ยและอัตราค่าธรรมเนียม
หมายเหตุ : ข้อมูลทั้งหมดเรานำมาจาก ยูเมะ พลัส โดยตรงเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 (ทั้งนี้ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารฯ)
ตางรางเปรียบเทียบ บัตรกดเงินสด
เมื่อถึงคราวที่ต้องการใช้เงินสด จะเบิกเงินจากธนาคารของตัวเองก็ไม่มีแล้ว ที่พึ่งสุดท้ายคือ บัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสด แต่แบบไหนจะคุ้มกว่าต้องมาดูกัน
มาเริ่มที่บัตรเครดิตก่อนว่าลักษณะทั่วไปของบัตรเครดิต คือ ธนาคารจะให้บัตรเครดิตมาเพื่อให้เราไปใช้รูดซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการต่างๆ จากร้านค้าหรือผู้ให้บริการทั้งหลาย การใช้แต่ละครั้งจะยังไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ยกเว้นแต่ร้านค้าเล็กๆ ที่ขอคิดค่าบริการในการรูดบัตร 1% บ้าง 2% บ้างก็แล้วแต่เงื่อนไขของทางร้าน แต่ถ้าเอาบัตรเครดิตไปกดเงินสด แน่นอนจะโดนคิดค่าธรรมเนียมการกดเงิน 3% ( + VAT 7%) ต่อครั้งและคิดดอกเบี้ยก็จะเริ่มคิดตั้งแต่วันแรกที่กด (เฉพาะในส่วนของการกดเงินสดเท่านั้น)
มาทางฝั่งบัตรกดเงินสดกันบ้าง ด้วยชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นบัตรกดเงินสด เพราะฉะนั้นเวลาที่เราใช้บัตรไปกดเงินสดตามตู้ ATM ในแต่ละครั้งเราจะไม่ถูกคิดค่าธรรมเนียมในการกดอยู่แล้ว แต่เราจะถูกคิดดอกเบี้ย ณ วันที่เรากดเงินออกมาเลย ซึ่งถ้าเราไม่อยากถูกคิดดอกเบี้ยเยอะมีเงินก็ต้องรีบจ่ายคืน โดยที่ไม่ต้องให้ถึงวันครบกำหนดก็ได้ เช่น กดเงินมาวันที่ 1 เราก็ถูกคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1 แล้ว และถ้าหากวันที่ 5 เรามีเงินมาจ่ายคืนเราก็จะถูกคิดดอกเบี้ยแค่ 5 วัน แต่ถ้าเรารอจนครบกำหนดวันที่ 25 แล้วค่อยจ่ายคืน เราก็จะถูกคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1-25 กันเลยทีเดียว
ทีนี้เรามาเปรียบเทียบเป็นตารางกันให้เห็นๆ เลยดีกว่าถ้าจะกดเงินแล้วแบบไหนจะเวิร์คสุด
สมมติว่า กดเงินสดเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ในวันที่ 1 พฤษภาคม และวันกำหนดจ่ายคืนคือ วันที่ 25 พฤษภาคม จะสามารถคำนวณได้ ดังนี้
จากตารางด้านบนจะเห็นได้เลยว่า การ กดเงินสดจากบัตรเครดิต จะต้องเสียมากกว่าแน่นอน เพราะนอกจากดอกเบี้ยแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมในการกดแต่ละครั้งอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้วถ้าจำเป็นที่จะต้องใช้เงินสดสักก้อนบัตรกดเงินสดน่าจะดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการใช้บัตรเครดิตมากดเงินสด เพราะว่าเป็นการใช้บัตรให้ถูกกับวัตถุประสงค์จริงๆ แต่ถ้าเรามีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินสดจริงๆ แต่ไม่มีบัตรกดเงินสด ก็ต้องทำใจกันสักนิด และวางแผนตอนชำระเงินกันซักหน่อยล่ะ
อ่านเพิ่มเติม : เปรียบเทียบบัตรกดเงินสด ตัวเด่นๆ ของแต่ละธนาคาร
เพราะฉะนั้นถ้าหากไม่จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ก็ไม่ควรที่จะกดเงินออกมาจากบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิตกัน แต่ถ้าไม่มีทางให้เลือกมานักก็กดมาแต่เฉพาะที่จะใช้กันดีกว่า แล้วก็ต้องจ่ายคืนให้ตรงเวลาสำหรับบัตรเครดิต หรือจ่ายคืนทันทีที่มีเงินสำหรับบัตรกดเงินสดเพราะจะได้ไม่ถูกคิดดอกเบี้ยกัน
และอีกสิ่งที่ทุกคนต่างก็อยากรู้ เมื่อสมัครบัตรกดเงินสดแล้ว กดเงินมาใช้แล้ว โน่นก็อยากได้ นี่ก็อยากได้ สุดท้ายหนี้สินรุงรัง มารู้ตัวเมื่อสายเกินไปต้องใช้หนี้จนหัวโต ทีนี้เราก็มีเทคนิคดีดีมาแนะนำกันค่ะว่าใช้ บัตรกดเงินสด ยังไง ไม่ให้เป็นหนี้เพิ่ม? เพราะในยุคนี้ที่ข้าวของแพงเวอร์ ทำให้การดำเนินชีวิตและการใช้จ่ายในปัจจุบัน ดูเหมือนมีการดิ้นรนมากขึ้น เพราะลำพังแค่เป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างเดียวอาจจะไม่พอกินแน่ๆ ทำให้หลายคนต้องมองหาทางเลือกเสริม นั้นคือหันมาประกอบธุรกิจส่วนตัว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเท่าใดนัก ยิ่งบางคนที่อยากจะหนีจากการเป็นลูกจ้างประจำและคิดว่าจะออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณไม่มีประสบการณ์และแนวที่ที่มั่นคงแข็งแกร่งแล้ว การจะเริ่มธุรกิจของตัวเองได้นั้นก็อาจจะต้องล้มลุกคลุกคลานกว่าจะประสบความสำเร็จ
แต่สิ่งที่จะทำให้สถานะการเงินดีได้คือต้องมาจากการเงินหมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็นการสินเชื่อเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล และแม้แต่ บัตรกดเงินสด เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับกิจการนั่นเอง
>>> อ่านเพิ่มเติม : เงินสภาพคล่อง คืออะไร รู้จักกันหรือยัง ? <<<
เหตุผลที่ต้องใช้บัตรกดเงินสด
อย่าที่บอกว่าสิ่งที่จะทำให้สถานะการเงินดีได้ก็ต้องมาจากเงินหมุนเวียน อย่างการขอบัตรกดเงินสดที่สามารถกดเงินสดจากบัตรมา เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องทางการเงินโดยมีจุดประสงค์หลัก ต้องการปลดตัวเองจากงานประจำ เพื่อมุ่งหวังกำไรจากการประกอบธุรกิจ และเป็นทางเลือกสำหรับการมองหาแหล่งเงินทุน ซึ่งหากคุณไม่มีเงินทุนมากพอ การหาแหล่งเงินทุนที่ดีที่สุดก็คือสถาบันทางการเงิน ที่จะทำให้คุณได้สมัครบัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อต่างๆ ที่ต้องสมัครบัตรกดเงินสด ก็เพราะว่าคุณไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย ไม่ได้มีเงินมากมายมาสร้างเนื้อสร้างตัว แต่คุณต้องเริ่มต้นจากเงินเก็บที่คุณมี ซึ่งการเริ่มต้นธุรกิจเงินทุนถือเป็นเรื่องที่สำคัญ
ความจำเป็นเมื่อต้องใช้บัตรกดเงินสด
แม้ว่าคุณจะมีเงินทุน แต่เมื่อเริ่มธุรกิจใหม่ๆ ก็อาจจะหมดไปเร็ว ยิ่งไม่มีประสบการณ์ด้วยแล้ว อาจจะยังคงจับฉ่ายหรือหาแนวทางไม่ถูก ซึ่งคุณอาจจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกู้สินเชื่อต่างๆ รวมถึงการสมัครบัตรกดเงินสด เพื่อนำมาเสริมสภาพการเงิน ซึ่งการที่จะเลือกสมัครบัตรกดเงินสดก็ต้องดูเงื่อนไขต่างๆ ให้ดี ประกอบกับบัตรกดเงินสดอาจจะมีความสะดวกสบาย อยากได้เงินก็กดมาใช้ แต่ในความสะดวกอาจเป็นเหตุให้คุณต้องทุกข์กับการเป็นหนี้บัตรกดเงินสด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ซึ่งก่อนที่คุณจะสมัครขอบัตรกดเงินสด จะต้องตรวจสอบตัวเองถึงแรงจูงใจที่ต้องการจะสมัครทำบัตรกดเงินสดด้วยว่ามีความจำเป็นแค่ไหน
บัตรกดเงินสดเสริมสภาพคล่องทางการเงิน
การสมัครบัตรกดเงินสดก็เพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องทางการเงินสำหรับการทำธุรกิจหรือใช้ส่วนตัว แต่ต้องดูด้วยว่าการสมัครบัตรกดเงินสด นั้นทำเพื่อครอบครัวหรือสนองความต้องการของตัวเองด้วย เพราะบางคนสมัครเพื่อต้องการนำเงินมาซื้อของที่ฟุ่มเฟือย ซึ่งเงื่อนไขของค่าบริการบัตรกดเงินสดนั้นจะแตกต่างจากเงื่อนไขของบัตรเครดิต เพราะเมื่อทำการกดเงินสดจากบัตรกดเงินสดแล้ว จะทำให้อัตราดอกเบี้ยนั้นมีการเริ่มต้นคำนวณทันที และดอกเบี้ยของการกดบัตรกดเงินสดจะถูกคำนวณแบบรายวันจนกว่าจะมีการนำเงินสดมาชำระคืน จึงจะเป็นการหยุดคิดดอกเบี้ย ส่วนบัตรเครดิต หากคุณได้ใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการแม้จะยังไม่ถูกคิดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 45 วัน ส่วนถ้าเลยกำหนดระยะเวลา ที่สถาบันการเงินต่างๆ ได้กำหนดให้ชำระแล้ว ก็จะถูกคิดอัตราดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ค้างชำระนั่นเอง
การสมัคร บัตรกดเงินสด เพื่อนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่ฟุ่มเฟือย จะมีโอกาสสูงที่จะทำให้คุณเป็นหนี้ แต่หากคุณสมัครบัตรกดเงินสดสำหรับนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน และพร้อมที่จะนำเงินมาชำระคืนได้ในเวลาอันรวดเร็วเชื่อว่าไม่น่าจะสร้างปัญหาใดๆ บัตรกดเงินสดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากขาดวินัยย่อมนำไปสู่การเป็นหนี้แบบไม่ต้องสงสัยแน่นอน
รู้เคล็ดลับในการใช้ บัตรกดเงินสด อย่างนี้แล้ว สมัคร บัตรกดเงินสด ไว้สักใบ มีวงเงินสำรอง เมื่อจำเป็นต้องใช้ คลิกที่นี่!