ปัจจุบันการให้สินเชื่อส่วนบุคคลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้คนที่มีฐานเงินเดือนทุกระดับ ได้มีสินเชื่อพร้อมใช้ในทุกสถานการณ์ตามความจำเป็นของแต่ละบุคคล สำหรับคนที่มีฐานเงินเดือน 10,000 บาท ก็มีสินเชื่อดี ๆ ไว้บริการให้ได้อุ่นใจยามต้องการใช้เงินกัน จะเป็นสินเชื่ออะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ
1.สินเชื่อเงินสด ของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์
สินเชื่อเงินสด เฟิร์สช้อยส์ เปิดให้บริการกันมานาน มีผู้ใช้บริการกันอย่างมากมาย ช่วงนี้มีโปรโมชั่นดี ๆ มาให้พิจารณากัน สำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้สินเชื่อใด ๆ เลย สินเชื่อประเภทนี้จะเหมาะกับคนที่มีฐานเงินเดือนรวมรายได้ ประจำ 8,000 บาท +(มีรายได้อื่นคิด 50% = 2,000 บาท) = 10,000 บาท ขึ้นไป ซึ่งรวมถึงรายได้อื่น ค่าโอที ค่าคอมมิชชั่น ค่าบริการ ที่สามารถนำมาคำนวณได้ ธนาคารจะให้การอนุมัติสูงสุด 5 เท่า คนที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายนี้และเห็นว่าจะสะดวกในการใช้เงินในทุกโอกาส ก็สามารถเตรียมเอกสารขอใช้บริการสินเชื่อนี้กันได้เลย
สินเชื่อเงินสด กรุงศรีเฟิรสช้อยส์ นี้ไม่ต้องรอนาน อนุมัติทันใจ ไม่มีค่าธรรมเนียม เป็นสินเชื่อแบบตลอดชีพ สำหรับลูกค้าใหม่ที่พร้อมเบิกเงินสด จะได้รับดอกเบี้ยต่ำแบบลดต้น ลดดอก อีกด้วย
อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเงินสด เฟิร์สช้อยส์
การได้รู้อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อจะทำให้คุณวางแผนการใช้เงินและเปรียบเทียบได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- อนุมัติสินเชื่อเงินสด 10,000 – 25,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 28 % ต่อปี
- อนุมัติสินเชื่อเงินสด 25,0001 – 50,000 บาท รับดอกเบี้ย 26 % ต่อปี
- อนุมัติสินเชื่อเงินสด 50,001 – 100,000 บาท รับดอกเบี้ย 24 %
- อนุมัติสินเชื่อเงินสด 100,001 – 300,000 บาท รับดอกเบี้ย 22 % ต่อปี
- สินเชื่อเงินสด 300,001 บาทขึ้นไป รับดอกเบี้ย 19 % ต่อปี
ผู้ที่สนใจอยากมีสินเชื่อเงินสดไว้ใช้ยามฉุกเฉินหรือยามจำเป็น ก็เตรียมเอกสารให้พร้อมแล้วไปติดต่อขอสินเชื่อเงินสดนี้ พร้อมรับโปรโมชั่นดี ๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2559 นี้ ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
2.สินเชื่อพร้อมใช้ KTC PROUD ของธนาคารกรุงไทย
เป็นอีกหนึ่งสินเชื่อดี ๆ ของธนาคารกรุงไทย สำหรับผู้ที่มีฐานเงินเดือน 10,000 บาท เป็นสินเชื่อที่อนุมัติวงเงินประเภทหมุนเวียน เพื่อให้คุณมีเงินสดสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือในโอกาสพิเศษต่าง ๆ โดยมีวงเงินอนุมัติขั้นต่ำ 10,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 5 เท่า ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกันใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อคุณตัดสินใจสมัครใช้บริการและได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับบัตรเบิกถอนเงินสด เพื่อใช้เบิกถอนวงเงินต่อไป
คุณสมบัติของผู้สมัคร สินเชื่อ KTC PROUD
1.เป็นผู้มีรายได้ประจำ เช่น เจ้าหน้าที่บริษัท ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
2.เป็นผู้มีอายุงานในสถานที่ทำงานปัจจุบันอย่างน้อย 4 เดือน
3.เป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
4.มีโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้โดยสะดวก ทั้งที่บ้านหรือที่ทำงาน
5.เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการธุรกิจส่วนตัว ที่มีอายุกิจการตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และมีเงินทุนหมุนเวียน อย่างต่ำ 100,000 บาทต่อเดือน
ระยะเวลาการกู้ยืม
ระยะเวลาในการกู้ยืมจะขึ้นอยู่กับยอดเงินในการผ่อนชำระของคุณในแต่ละงวด โดยคุณสามารถเลือกชำระตามยอดเงินชำระขั้นต่ำ 3 % ของยอดที่เรียกเก็บหรือ 300 บาทแล้วแต่ว่าจำนวนใดจะสูงกว่า
อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน
อัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ธนาคารคิดไม่เกิน 15 % ต่อปี อัตราค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 13 % ต่อปี รวมสูงสุดไม่เกิน 28% ต่อปี
หรือ
บริการแบ่งชำระ FLEXI
นับว่าเป็นอีกหนึ่งบริการสินเชื่อพร้อมใช้สำหรับผู้มีฐานเงินเดือน 10,000 บาท ที่จะมีโอกาสมีบัตรพร้อมใช้ยามฉุกเฉินหรือในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ควรมีติดตัวไว้ หากใครสนใจก็ลองตรวจสอบคุณสมบัติดูก่อน แล้วเตรียมเอกสารให้ครบเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาในการติดต่อ
ข้อคิดในการใช้บริการสินเชื่อพร้อมใช้
1.ในการเลือกใช้บริการสินเชื่อพร้อมใช้นั้น มีหลักในการเลือกคือควรเลือกใช้บริการจากสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ได้รับอนุญาต เนื่องจากมีข้อดี อาทิ ได้รับเงินกู้เต็มจำนวน มีทางการคอยควบคุมดูแลตรวจสอบได้หากเกิดปัญหาขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกทำร้ายร่างกายหรือทรัพย์สินซึ่งมักเกิดขึ้นกับกรณีกู้เงินนอกระบบ
2.สำหรับการขอวงเงินนั้น ให้ขอวงเงินเท่าที่จำเป็นไม่ควรขอวงเงินสูงเกินกว่ากำลังจะรับได้ เพราะหน้าที่ในการชำระหนี้เป็นของเรา จึงควรขอวงเงินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และอย่าสมัครเพราะมีของแถมยั่วใจ ณ เวลานั้น เพราะเราจะได้หนี้ที่ไม่ควรเกิดขึ้นแถมมาด้วยเช่นกัน
3.ในการชำระหนี้สินเชื่อ คุณควรชำระหนี้ให้หมดโดยเร็ว เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ต้องชำระให้แก่เจ้าหนี้ คุณสามารถเพิ่มเงินที่จ่ายในแต่ละงวดได้หรือหาเงินก้อนมาโปะ ทั้งนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าปรับกรณีชำระเงินไม่เป็นไปตามสัญญาหรือไม่ หากมีต้องชั่งน้ำหนักก่อนว่าจำนวนเงินที่จะประหยัดได้คุ้มค่ากับที่จะจ่ายเพิ่มหรือไม่