ในวันที่เราเป็นหนี้นั้น เงินในส่วนที่เราต้องจ่ายไปนอกเหนือไปจากเงินต้นที่ได้กู้ยืมมานั้นก็ดูว่าจะเป็นเงินที่เราไม่ได้อยากจ่ายไปมากเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าเราจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่ามันยังคงมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย หรือถ้าเราชำระเงินช้า เราก็ต้องมีค่าติดตามทวงถามที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งในกรณีที่เรามีเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มกว่าปกติเมื่อไหร่เราก็คงจะเริ่มหาที่มากันว่า เงินที่เราต้องจ่ายเพิ่มจากเงินต้นนั้นมันมาจากอะไรกันแน่ โดยสิ่งแรกที่ต้องเราต้องคิดถึงเลยนั่นก็คือ ดอกเบี้ยนั่นเอง
สำหรับสินเชื่อเงินสดนั้นก็มีดอกเบี้ยเช่นกัน เพราะสินเชื่อเงินสดนั้นก็ถูกจัดว่าเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะของการที่สถาบันทางการเงินได้ให้เรากู้ยืมเงินออกไปก่อนก้อนหนึ่ง ซึ่งสินเชื่อนี้จะพิจารณาให้แก่คนทั่วไปโดยเฉพาะ ผู้กู้ยืมเงินนั้นจะต้องเป็นทำการขอกู้ยืมโดยใช้ชื่อของตัวเองไม่ใช่ชื่อบริษัท ห้างร้าน องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเมื่อผู้ขอสินเชื่อได้รับการอนุมัติสินเชื่อเงินสดแล้วก็สามารถนำเงินก้อนนั้นไปใช้จ่ายตามความต้องการของตนเองได้เลย โดยทางสถาบันทางการเงินจะเป็นผู้โอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ที่กู้ยืมให้ โดยทั่วไปจะอยู่ภายในวงเงินสูงสุดประมาณ 5 เท่าของเงินเดือนไม่มีมากกว่านี้
ข้อดีของสินเชื่อเงินสดคือถ้าเรามีหน้าที่การงานดี มีรายได้ถึงขั้นต่ำที่สถาบันทางการเงินกำหนดและสม่ำเสมอ เช่น พนักงานประจำ ก็สามารถขอสินเชื่อเงินสดโดยไม่ต้องมีบุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันเลยนั่นเอง ซึ่งการชำระเงินของสินเชื่อเงินสดนั้น ผู้กู้ยืมจะต้องชำระเงินคืนธนาคารเป็นงวดๆ และเงินที่จ่ายไปนั้นจะมีส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ยเท่ากัน และต้องชำระไปจนกว่าจะครบตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้เช่น ถ้ากู้ยืมเงิน 10,000บาท กำหนดให้ผ่อนชำระ 10 เดือนก็ต้องผ่อนเดือนเงินต้นละ 1,000 บาทยังไม่รวมดอกเบี้ย เป็นต้น
และสิ่งที่เรากังวลมากที่สุดในการขอสินเชื่อเงินสดก็คือการพิจารณาเพื่ออนุมัติสินเชื่อเงินสดนั่นเอง ซึ่งทางสถาบันการเงินจะพิจารณาจากความสามารถของลูกค้าในการชำระคืน ทั้งหน้าที่การงาน รายได้และประวัติการชำระหนี้สินต่างๆ เป็นต้น ยิ่งหากคุณไม่เคยติดบัญชีแบล็คลิสต์ด้วยแล้ว จะยิ่งมีโอกาสได้รับการอนุมัติมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม >> เหตุผล ที่ สินเชื่อเงินสด ขอได้ยากมาก ! <<
ที่นี้มาถึงอีกส่วนของเงินที่เราต้องชำระนั่นก็คือ ดอกเบี้ยสินเชื่อเงินสด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของแต่ละสถาบันทางการเงินแต่ละที่ก็จะแตกต่างกันออกไป บางที่ก็จะคิดแบบอัตราคงที่ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีก็คิดที่อัตราเดิม หรือแบบลอยตัวซึ่งจะเปลี่ยนไปทุกปีและเราจะเสียไม่เท่ากัน แต่ทั้งนี้ในส่วนของดอกเบี้ยจะถูกคิดเพิ่มใน 2 กรณี คือ
กรณีชำระค่าสินค้าและบริการไม่เต็มจำนวน
ในกรณีนี้เรามักจะเจอกันบ่อยๆในกลุ่มคนที่มีเงินเมื่อไหร่ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังรอบบิลก็เอาไปจ่ายก่อน ซึ่งเงินที่จ่ายก็ไม่รู้ว่ามันครบตามจำนวนที่ต้องจ่ายหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะขาดกันเสียมากกว่าและผู้กู้ก็ไม่ได้กลับมาเช็คว่าได้จ่ายเงินไปพอดีหรือไม่ สิ่งที่ตามมาเมื่อเราไม่ชำระเต็มจำนวนภายในวันที่กำหนด ก็คือ ผู้กู้อาจถูกคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากยอดเต็มตั้งแต่วันที่ใช้บัตรจนถึงวันก่อนวันที่เราชำระเงินได้นั่นเอง และยังดอกเบี้ยอีกส่วนที่คิดจากยอดคงค้างหลังจากนั้นอีก ซึ่งจะมีวิธีคิดดอกเบี้ยในกรณีนี้จะคิดดอกเบี้ยหนึ่งส่วนจากยอดเต็ม และอีกส่วนจากยอดที่ยังไม่ได้ชำระ คือ
ดอกเบี้ย = (ยอดที่ต้องจ่าย x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันก่อนหรือหลังจ่ายในงวดนั้น )/จำนวนวันใน 1 ปี
ที่นี้เราก็เอาดอกเบี้ยมาบวกกัน แต่อย่าลืมว่าเมื่อไหร่ที่เรามียอดคงค้างสิ่งที่ตามมาอีกอย่างก็คือค่าธรรมเนียมหรือค่าติดตามทวงถาม ซึ่งจะบวกเข้ามากับดอกเบี้ยอีกส่วนที่คิดจากยอดคงค้างนั่นเอง ซึ่งหลายคนคงไม่อยากให้ยอดหนี้ที่ต้องชำระสูงขึ้นไปอีกหรอกจริงไหม ดังนั้นจึงควรจ่ายชำระดอกเบี้ยและเงินต้นให้ตรงเวลาจะดีกว่านะ เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ที่อาจจะเกิดขึ้นมาอีกนั่นเอง และค่าใช้จ่ายส่วนเกินนี้ก็อาจจะไม่เกินไปจนทำให้คุณถึงกับเครียดได้เลยล่ะ
กรณีที่เราเบิกถอนเงินสดออกมาใช้งาน
ส่วนอีกกรณีที่มีการคิด ดอกเบี้ยเงินสด นั่นก็คือ กรณีที่เราเบิกถอนเงินสดออกมาใช้งานนั่นเอง ซึ่งเราจะถูกคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเริ่มตั้งแต่วันที่เบิกตามอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่อปีของแต่ละสถานบันการเงิน และยังไม่รวมค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดและภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยนั่นเอง
ดังนั้นคำแนะนำเดี๋ยวที่เราอยากจะให้คือ ใช้และจ่ายอย่างมีสติ หมายถึง ใช้เงินเมื่อจำเป็นเท่านั้น และจ่ายหนี้อย่างครบถ้วนอย่าให้ขาดไปเลยจะดีที่สุดนั่นเอง ทั้งนี้ก็เพราะเมื่อเราจ่ายหนี้ตรงตามเวลาที่กำหนด ก็จะไม่ทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มพูนขึ้นมา และทำให้เราไม่ต้องจ่ายค่าติดตามทวงถามหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งก็จะช่วยลดหนี้และดอกเบี้ยไปได้เยอะเลยล่ะ แต่ถ้าให้ดีเมื่อมีเงินก้อนพอจะปิดหนี้ได้ ก็ควรปิดหนี้ซะเลยจะดีกว่านะ เพราะการอยู่แบบไม่มีหนี้สินเป็นลาภอันประเสริฐของคนเรานั่นเอง
ขอกู้ สินเชื่อเงินสด กับ Citibank ผ่านช่องทางออนไลน์ รับอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ช่วยลดหนี้ได้ สมัครเลย!