เมื่อเราอยู่ในยุคที่มีโรคใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย และส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกับเด็กเล็กๆ ในบ้านกัน อีกทั้ง ค่ารักษาพยาบาลสมัยนี้ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชนก็จะแพงแสนแพง จะไปรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐที่ค่ารักษาพอจะรับได้หน่อยแต่ก็รอคิวนานเหลือเกิน …. แล้วถ้าทำ ประกันสำหรับลูกน้อย ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหรือเปล่า… เรามาหาคำตอบไปด้วยกันเลย
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ประกันที่เรามักจะทำให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 0-15 ปีนั้น จะเป็นประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเบี้ยประกันที่จ่ายทิ้งไปทุกปี เหมือนกับประกันรถยนต์ แต่ค่าเบี้ยประกันสุขภาพกับประกันอุบัติเหตุจะไม่ได้ส่วนลดเหมือนกับประกันภัยรถยนต์ แต่ปัจจุบันนี้ก็มีบริษัทประกันภัยบางบริษัทที่ออกโปรโมชั่นมาใหม่ กรณีที่ไม่เคลมหรือสุขภาพดีมีลดราคาค่าเบี้ยประกัน แต่ถ้าทำแล้วก็จะคุ้ม
อ่านเพิ่มเติม >> ทำประกันให้ลูก เพื่ออนาคตที่ดีเจ้าตัวน้อย <<
และสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการทำประกันสุขภาพให้กับลูกน้อยของตัวเอง และยังอยากเอาเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนภาษีได้อีก บางบริษัทประกันก็จะมีประกันสุขภาพรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ Unit Link นั่นก็คือ เงินที่เราจ่ายให้กับบริษัทประกันไปนั้น จะถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือ
- ส่วนแรกคือค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับการให้ความคุ้มครองตามที่กรมธรรม์ประกันชีวิตกำหนด ซึ่งบริษัทประกันชีวิตจะนำเงินส่วนนี้ไปบริหารเอง และบริษัทจะเป็นผู้รับความเสี่ยงจากการนำเบี้ยประกันไปลงทุนในหลักทรัพย์และทรัพย์สินประเภทต่าง ๆ โดยส่วนนี้แหละที่เราสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
- ส่วนที่สองจะเป็นเงินที่บริษัทประกันภัยจะนำไปลงทุนโดยจะจัดสรรเข้าไปเป็นส่วนเงินลงทุนตามสัดส่วนที่ระบุในกรมธรรม์ ซึ่งบริษัทประกันชีวิตจะนำไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตามคำสั่งของผู้เอาประกันภัย โดยบริษัทที่รับจัดการเงินดังกล่าวจะออกหน่วยลงทุนให้แก่ผู้เอาประกันภัย แต่เงินส่วนนี้ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ยกตัวอย่างเช่น เราซื้อประกันชีวิตควบการลงทุน โดยจ่ายเบี้ยประกันไปทั้งหมด 20,000 บาทต่อปี และตามกรมธรรม์เราแบ่งสัดส่วนเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิต 12,000 บาท และเป็นเงินลงทุน 8,000 บาท เพราะฉะนั้นเราจะลดหย่อนภาษีได้เพียง 12,000 บาท เท่านั้น ไม่ใช่ 20,000 บาท ซึ่งเราต้องศึกษาและสอบถามกับตัวแทนประกันให้แน่ใจและชัดเจนก่อนตัดสินใจซื้อ
แต่ถ้ากลับมาในเรื่องของการประกันสุขภาพให้กับลูกน้อย… อัตราค่าเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับอายุและค่าห้องที่เราต้องการ เช่น ถ้าเราซื้อประกันให้กับเด็กเล็กที่มีอายุตั้งแต่ 0-5 ปี ค่าเบี้ยก็จะแพงที่อาจจะถึงหลักหมื่นบาทกันเลยทีเดียว ถ้ามองว่าเป็นความซื้อความเสี่ยงให้กับลูกก็ถือว่าคุ้ม เพราะเด็กเล็กเวลาไม่สบายทีค่ารักษาพยาบาลอย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เป็นหลักพัน แล้วถ้าจะต้องนอนโรงพยาบาลอีก 2-3 ก็เป็นหมื่นเหมือนกัน ซึ่งนอนครั้งหนึ่งก็คุ้มค่าเบี้ยประกันแล้ว
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันให้กับลูกน้อยนั้น เราจะต้องดูที่ค่าห้องที่ได้ว่าครอบคลุมค่าห้องของโรงพยาบาลที่เราเลือกรักษาอยู่หรือเปล่า หรือบางกรมธรรม์ก็ไม่ระบุรายละเอียดเพียงแต่จะเขียนว่าจ่ายตามจริง ซึ่งเราก็ต้องดูอีกด้วยว่าโปรแกรมที่เราเลือกนั้น ทุนประกันครอบคลุมกับค่ารักษาพยาบาลแต่ละครั้งของเราหรือเปล่า ทั้งนี้ก็เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าเบี้ยประกันมากเกินความจำเป็น
หรือถ้าบริษัทที่เราทำงานอยู่มีสวัสดิการให้ลูกน้อยด้วยแล้วก็ยิ่งดีเลย แต่เราก็ต้องดูด้วยว่าสิ่งที่บริษัทให้เบิกนั้น เพียงพอต่อการรักษาตัวกับโรงพยาบาลที่เราเลือกรักษาหรือเปล่า ถ้าครอบคลุมก็ถือว่าเราโชคดี แต่ถ้าบริษัทให้เบิกได้ไม่หมด เวลาเราซื้อประกันสุขภาพให้กับลูกน้อย เราก็ซื้อเพิ่มเฉพาะส่วนเกินจากที่สวัสดิการของบริษัทจ่ายให้ เพราะจะทำให้เราประหยัดค่าเบี้ยประกันได้อีกทาง
ยังไงก็แล้วแต่ ก่อนการซื้อประกันภัยเราก็ควรที่จะต้องศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ ของแต่ละบริษัทประกันให้เพียงพอก่อนตัดสินใจซื้อล่ะกันนะ