ทุกวันนี้ด้วยมลพิษทางอากาศและสารปะปนในอาหารมากมาย จึงทำให้คุณไม่อาจคาดเดาได้ว่า จะเกิดอะไรกับสุขภาพขในอนาคตได้บ้าง การทำประกันสุขภาพไว้ก่อน จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยวางแผนอนาคตเพื่อรับมือกับปัญหาสุขภาพได้ สำหรับคนที่กำลังคิดจะเลือกซื้อประกันสุขภาพ คุณควรมีการศึกษาข้อมูลประกัน ในรูปแบบการคุ้มครองต่างๆ ที่มีให้เลือกจำนวนมากในปัจจุบันเพราะคนที่ไม่เคยทำประกันสุขภาพมาก่อน อาจจะเกิดข้อสงสัยว่า ตนเองนั้นควรเลือกประกันแนวไหน จึงจะเหมาะสมกับตนเองที่สุด และนี่คือข้อสังเกตที่คุณควรทราบสำหรับการเลือกซื้อประกันสุขภาพอย่างชาญฉลาด ที่จะช่วยให้คุณสามารถซื้อประกันได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา และได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสมมากที่สุด
-
ควรศึกษารูปแบบและประเภทของประกันสุขภาพ ที่คุณต้องการเลือก
โดยพยายามมองหาว่า ประกันนั้นๆ มีการคุ้มครองในลักษณะไหนเป็นแบบที่กรณีเกิดเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะมีการคุ้มครองทันที หรือจะต้องรอให้เป็นไปตามกำหนดสัญญาเสียก่อน จึงจะได้รับการคุ้มครอง
การประกันสุขภาพจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ก็คือ
- การประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ แบบรายบุคคล
- การประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ แบบรวมกลุ่ม
โดยประกันสุขภาพ จะมีการแบ่งลักษณะการคุ้มครองออกเป็น 7 ประเภทได้แก่
- กรณีที่ผู้เอาประกัน ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
ในฐานะของคนไข้ประจำโรงพยาบาล โดยไม่น้อยไปกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะเกิดเนื่องมาจากการเจ็บไข้ได้ป่วย หรืออุบัติเหตุก็ตาม ทางผู้รับประกันจะต้องมีการจ่ายค่าชดเชย โดยแบ่งออกเป็น ค่ายา ค่านอนโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายจากการบาดเจ็บ ค่าอาหาร และค่าบริการทั่วไป
- กรณีที่ผู้เอาประกันจะต้องได้รับการผ่าตัด
ผู้รับประกันจะต้องมีการจ่ายความคุ้มครอง อันเนื่องมาจากค่ารักษาการผ่าตัด รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของการเข้าปรึกษาแพทย์ร่วมด้วย
- กรณีที่ผู้เอาประกันจะต้องเข้ารับการรักษาฟัน
ผู้รับประกันจะมีการจ่ายค่าชดเชย ในส่วนของค่ารักษาพยาบาล และค่าบริการทางทันตแพทย์ด้วย
- กรณีที่ผู้เอาประกันมีการคลอดบุตร
ผู้รับประกันจะต้องมีการจ่ายค่าชดเชย กรณีที่ผู้เอาประกันต้องนอนรักษาตัว อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรอการคลอด
- กรณีที่ผู้เอาประกันเข้ารับการรักษา ที่ไม่ใช่ในโรงพยาบาล
เช่น คลินิกหรือหน่วยพยาบาลขนาดเล็ก รวมไปถึงส่วนของผู้ป่วยนอก ผู้รับประกันจะต้องมีการจ่ายค่าชดเชย สำหรับค่ารักษาและค่าบริการทางการแพทย์
- กรณีที่ผู้เอาประกัน จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์
ผู้รับประกันจะต้องจ่ายค่าชดเชย หรือค่าบริการทางการแพทย์ให้
- กรณีที่ผู้เอาประกัน จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลจากพยาบาลพิเศษ
ซึ่งอาจจะมีการดูแลกันภายในโรงพยาบาล หรืออยู่ที่บ้าน ผู้รับประกันก็จะต้องเป็นผู้จ่ายค่าชดเชย ในส่วนของค่าบริการและค่ารักษาพยาบาลให้
-
ศึกษาว่าคุณเหมาะกับการเป็นผู้ป่วยประเภทไหน
ตามหลักแล้วผู้ป่วยจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกันได้แก่
ผู้ป่วยใน (Out–Patient–Department : IPD) หมายถึง ผู้ที่ลงทะเบียนเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลเวชกรรม ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง โดยได้รับการวินิจฉัยและคำแนะนำจากแพทย์และให้รวมถึงการรับตัวไว้เป็นผู้ป่วยในแต่เสียชีวิตก่อน 6 ชั่วโมงด้วย
ผู้ป่วยนอก (Out–Patient–Department : OPD) คือผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา โดยไม่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสามารถกลับบ้านได้เลยในวันที่เข้ารับการรักษา
คุณจำเป็นที่จะต้องศึกษากรมธรรม์ประกันสุขภาพให้ดีเพราะบางฉบับอาจมีการระบุเงื่อนไขการเบิกสินไหมทดแทนระหว่างผู้ป่วยในกับผู้ป่วยนอกไว้ การที่จะเบิกสินไหมได้ต้องดูเงื่อนไขของประกันฉบับนั้นๆ แนะนำว่าควรศึกษาและตรวจสอบเงื่อนไขก่อนตัดสินใจซื้อกรมธรรม์ประกันสุขภาพ เพื่อผลประโยชน์ในการเรียกร้องสินไหมของผู้เอาประกันภัย ตามหลักแล้วถ้าไม่เหลือบ่าไปกว่าแรง คุณควรเลือกควรซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมผู้ป่วยนอก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบการนอนโรงพยาบาล ก็จะช่วยให้คุณได้รับสิทธิการคุ้มครอง และชดเชยค่ารักษาบริการได้แม้ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ
-
ตรวจสอบโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือ
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่คุณควรพิจารณาคือประกันที่คุณเลือกนั้น มีการครอบคลุมโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงมากน้อยเพียงใด นั่นก็เพราะเพื่อความสะดวก เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน คุณสามารถเดินทางไปรับการรักษาได้ทันท่วงที นอกจากนั้น ประกันไหนที่มีโรงพยาบาลในเครือมากกว่า ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกสบาย ให้กับผู้เอาประกันมากกว่า ในเรื่องของการไม่ต้องสำรองเงินจ่ายก่อนอีกด้วย
-
ตรวจสอบค่าความคุ้มครองของประกัน
คุณจำเป็นจะต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีค่าคุ้มครองที่คุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่จ่ายไปหรือไม่ ตั้งแต่ค่าห้อง กรณีนอนโรงพยาบาล ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าบริการทั่วไปเหล่านี้ บางโรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายที่แพง อาจจะส่งผลให้ผู้เอาประกัน ต้องจ่ายส่วนต่างที่เกินมา สูงเกินความจำเป็น และไม่คุ้มกับการทำประกันได้
-
เลือกตัวแทนประกันที่วางใจได้
เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องฉุกเฉินขึ้นนั้น ตัวแทนประกันที่คุณตกลงทำสัญญาด้วยจะมีส่วนอย่างมากในการช่วยคุณเบิกค่ารักษา และดำเนินเรื่องต่างๆในเวลาคับขัน ฉะนั้นแล้วคุณต้องพิจารณาเลือกตัวแทนประกันให้ดี
เพียงห้าข้อง่ายๆนี้ คุณก็จะสามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพ ในรูปแบบที่ต้องการได้ แถมยังช่วยให้เลือกซื้อประกัน ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการและการใช้ชีวิตอีกด้วย