สำหรับคุณแม่ที่กำลังต้องเลือกโรงเรียนให้ลูกน้อย หลายคนเมื่อลูกเข้าใกล้วัย 2 ขวบก็จะเตรียมเดินสายไปดูโรงเรียนให้ลูก ๆ ตัวผู้เขียนเองก็ทำแบบนั้นเช่นกัน บางทีก็ไปด้วยกันกับเพื่อนที่มีลูกในวัยเดียวกัน เพราะเพื่อนคุณแม่ ๆ จะช่วยแสดงความเห็นได้เป็นอย่างดี ในส่วนตัวของผู้เขียนเองก็มีความกังวลใจไม่น้อย ว่าถ้าเราเลือกโรงเรียนค่าเทอมราคาถูกลูกของเราจะด้อยกว่าคนอื่นหรือไม่ แต่ถ้าส่งลูกไปโรงเรียนแพงๆ ก็มีความกังวลว่าเราจะมีกำลังส่งลูกให้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้กับลูกคือ
-
เงินในกระเป๋า (ราคาค่าเทอมต่อปี) ที่จะส่งลูกเรียนตลอดรอดฝั่ง
อนุบาล 3 ปี + ประถม 6 ปี + มัธยม 6 ปี + มหาวิทยาลัย 4 ปี = รวมทั้งสิ้น 19 ปี
ถ้าเรียนโรงเรียนไทยธรรมดา ค่าเทอมอาจจะอยู่ประมาณ 5-6 หมื่น ต่อเทอม หรือ แสนถึงสองแสนต่อปี แต่ถ้าเลือกโรงเรียนอินเตอร์หรือสองภาษา อาจจะตกปีละ 1 ล้านบาท โดยราคานี้ไม่รวมค่าแรกเข้า ซึ่งมีตั้งแต่หลักหมื่น ถึงหลักแสน ไปจนถึงใกล้สามแสนก็มี
ดังนั้นศักยภาพการจ่ายเงินค่าเทอมก็เป็นปัจจัยในการเลือก ควรเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมกับฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว
ถ้าเรามีเงินมากพอก็คงส่งลูกเรียนไปได้ปีละ 1 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับ 19 ล้านบาท แต่เงินจำนวนนี้ไม่รวมอัตราเงินเฟ้อ ที่สามารถเกิดขึ้นทุกปี ปีละ 4-6% หรือบางทีก็ใกล้เคียง 10% กระเป๋าเงินคุณพ่อคุณแม่จึงต้องมีสำรองไว้
ที่สำคัญเมื่อเด็กเข้าโรงเรียนก็จะมีค่าใช้จ่ายจิปาถะมากมาย เช่น อุปกรณ์การเรียน ทัศนศึกษาพิเศษ ค่าขนมลูก ค่าเรียนพิเศษ พ่อกับแม่ต้องหาเงินมากพอที่จะหมุนเวียนค่าใช้จ่ายภายในบ้าน มิฉะนั้นก็ต้องมีเงินเย็นสนับสนุนไว้จากทางครอบครัว
ข้อดีของโรงเรียนราคาแพงคือลูกของเราจะได้สังคมคนรวย แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้การันตีว่าลูกเราจะประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะลูกเรียนโรงเรียนแพง เพื่อน ๆ ก็จะมีเงินสามารถเหลวไหลตัวเองได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องระวัง เพราะเด็กๆ โรงเรียนแพงจะชวนกันใช้ของแพงกินร้านอาหารแพง ๆ ตามไปด้วย ซึ่งไม่ผิดเพราะพวกเขามีเหลือกินเหลือใข้
แต่เราต้องปลูกฝังให้ลูกเป็นคนดี รู้จักผิดชอบชั่วดี ถ้าเพื่อนชวนเขาไปในทางที่ผิดควรปฏิเสธไว้
แต่ถ้าให้เรียนโรงเรียนไทยก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้พอสมควร แล้วค่อยให้เรียนภาษาอังกฤษเสริมเข้าไปก็ได้เช่นกัน หรือเก็บเงินไว้ให้ลูกไปเรียน Summer ที่ต่างประเทศ หรือ Work & Travel ทำให้เขาได้ประสบการณ์จริงจากต่างประเทศก็ดีเหมือนกัน
-
คุณภาพการศึกษาของโรงเรียนนั้น ๆ
ดูจากหลักสูตรการสอนว่าเป็นแบบไหน เน้นให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์หรือไม่ บางโรงเรียนเน้น Thinking School สอนให้เด็กหัดคิด หรือ เป็นโรงเรียนหลักสูตร American หรือ British Curriculum จุดนี้อาจจะศึกษาหรือสอบถามจากเพื่อนที่มีลูก หรือรุ่นพี่ที่มีลูก เขาจะมีประสบการณ์มากกว่าเราและแนะนำได้ อย่าลืมว่า 2nd opinion (ความเห็นที่ 2) เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าเราตัดสินใจไม่ผิด
-
การเดินทางไปโรงเรียน
ระยะทางระหว่างบ้านไปโรงเรียนมีผลสำคัญเพราะมีผลต่อความเครียดของเด็ก ถ้าโรงเรียนอยู่ไกลต้องเดินทางลำบากฝ่าฟันการจราจรที่ติดขัดแล้วต้องตื่นแต่เช้าออกจากบ้านตีห้า ในสมัยตอนผู้เขียนเด็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้ไปโรงเรียนไกลจากบ้านมาก ๆ โดยบ้านอยู่เขตลาดพร้าว แต่ต้องตื่นตีห้าไปเรียนที่โรงเรียนเขตปทุมวันต้องรีบออกจากบ้านไปกินข้าวที่โรงเรียน เพราะพ่อทำงานแถวโรงเรียนการเดินทางจึงต้องไปด้วยกันพ่อลูก
แต่ถ้าเลือกได้ ควรที่จะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้ หรือเลือกโรงเรียนใกล้บ้าน เพื่อที่จะให้ลูกมีเวลากลับมาวิ่งเล่นที่บ้านจะดีกว่า
ในวัยอนุบาลหรือประถมควรให้เด็กได้เล่นมาก ๆ เพราะเป็นการเสริมจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ เขาก็จะเติบโตอย่างมีคุณภาพและรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร
การมีเวลากับลูก ช่วยให้เขาได้รับความอบอุ่นเวลาที่เราให้กับเขาและสอน จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเขา เหมือนเป็นเชือกที่เมื่อเขาโตขึ้นแล้วถ้าเขาไปเจออบายมุขเขาจะนึกถึงพ่อแม่ ไม่อยากเข้าใกล้สิ่งเสพติดเพราะกลัวพ่อกับแม่เสียใจ