บัตรเครดิตจะมีประโยชน์และเกิดความคุ้มค่ากับผู้ใช้บัตรหากว่าใช้เป็น แต่หากใช้ไม่เป็นหรือใช้เพลินขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะสร้างปัญหาทางการเงินได้ อย่างที่เราเห็นกันบ่อย ๆ มีผู้ที่ใช้บัตรเครดิตแล้วเกิดปัญหาเป็นหนี้ จ่ายคืนไม่ไหว คงเครียดอยู่นานจึงเข้ามาตั้งกระทู้เล่าเรื่องราวบอกปัญหาพร้อมกับขอคำแนะนำและความช่วยเหลือว่าจะจัดการอย่างไรกับเรื่องเงินของตัวเองต่อไปดี
ยกตัวอย่างกระทู้ในพันทิป http://pantip.com/topic/35587476 ที่เจ้าของกระทู้ซึ่งเป็นพนักงานประจำเป็นหนี้บัตรเครดิตอยากจะขอคำแนะนำว่าจะเคลียร์หนี้อย่างไรดี รายละเอียดที่เจ้าของกระทู้ให้ไว้ ก็คือ ตนเองอายุ 26 ปี มีรายได้ 40,000 บาท ภาระหนี้ที่ต้องผ่อนทุกเดือน มีต้องผ่อนรถเดือนละ 7,800 บาท ค่าเช่าหอพักเดือนละ 6,000 บาท ส่วนหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่มี 3 ใบ ยอด 60,000, 40,000 และ 20,000 บาท รวม 120,000 บาท หนี้บัตรเครดิตนี้เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากช่วงที่ก่อนหน้านี้เจ้าของกระทู้เรียนต่อปริญญาโททำให้ทำงานไม่เต็มที่จึงได้รับเงินเดือนไม่เต็มที่ด้วย หนี้ที่เกิดขึ้นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ทั้งเรื่องเรียนและชีวิตประจำวันในขณะที่เรียนอยู่ การจ่ายคืนที่ผ่านมาก็จ่ายเต็มบ้าง ไม่เต็มบ้าง แต่ไม่เคยค้างจ่าย เดือนที่แย่ที่สุดก็คือจ่ายแค่ขั้นต่ำเท่านั้น เจ้าของกระทู้อยากเคลียร์หนี้บัตรเครดิตทั้ง 3 ใบ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี
หากดูจากรายได้เจ้าของกระทู้ที่ 40,000 บาทต่อเดือน หักลบด้วยภาระหนี้ต่อเดือน คือค่าผ่อนรถและค่าเช่าหอพักที่เดือนละ 13,800 บาท ก็จะเหลือเงินอยู่ 26,200 บาท หนี้บัตรเครดิตรวม 120,000 บาท หากคิดขั้นต่ำที่ต้องจ่ายที่ 10% ก็จะประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน ก็จะเหลือเงินเพื่อใช้จ่ายที่ 14,200 บาท ซึ่งรวมทั้งค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร ฯลฯ ซึ่งอาจจะพอหรือไม่พอก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การใช้ชีวิตของเจ้าของกระทู้ เพราะเงินที่เหลือนี้หากหารเพื่อให้เป็นต่อวันก็จะเหลือไม่ถึงวันละ 500 บาทเท่านั้น ดูแล้วก็ไม่น่าจะพอ
สำหรับวิธีการเคลียร์หนี้นั้น มีหลากหลายความเห็นจากผู้ที่มีประสบการณ์เข้ามาตอบและให้คำแนะนำไว้ จึงขอนำมาสรุปไว้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่มีปัญหานี้บัตรเครดิตเช่นเดียวกับเจ้าของกระทู้
-
จ่ายให้เกินขั้นต่ำ
เงินเดือน 40,000 บาท ที่จริงก็ถือว่าไม่น้อย หากใช้เงินอย่างประหยัดก็จะมีเงินเหลือจ่ายบัตรเครดิตทุกใบให้เกินขั้นต่ำได้ หากจ่ายเกินขั้นต่ำทุกใบไม่ได้ ก็ให้เลือกจ่ายเกินขั้นต่ำใบที่คิดดอกเบี้ยสูงที่สุดหรือใบที่เหลือยอดหนี้น้อยที่สุดก็ได้ ส่วนใบอื่น ๆ ก็จ่ายที่ขั้นต่ำเพื่อไม่ให้เสียประวัติ การจ่ายเกินขั้นต่ำจะช่วยให้ลดหนี้ได้เร็วขึ้นเพราะจะทำให้มีเงินไปตัดส่วนที่เป็นเงินต้นด้วย ไม่อย่างนั้นจ่ายดอกเบี้ยหมดเหลือตัดเงินต้นแค่นิดเดียว กัดฟันจ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนี้บัตร 120,000 บาท ไม่นานก็น่าจะใช้หมดได้
ยกตัวอย่าง สมมติว่าเจ้าของกระทู้พยายามควบคุมให้ใช้เงินเพียงเดือนละ 10,000 บาท ก็จะเหลือเงินอีก 4,200 บาท ที่จะไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตเพิ่ม นำไปจ่ายใบที่ยอดหนี้น้อยสุด 20,000 บาท ประมาณ 4-5 เดือน ก็จะปิดบัตรใบนี้ได้ จากนั้นเงินที่เคยผ่อนจ่ายบัตรใบนี้ 6,200 บาท ก็ให้นำไปจ่ายบัตรเครดิตใบที่ยอด 40,000 ซึ่งที่จ่ายขั้นต่ำมา 5 เดือนยอดก็น่าจะลดลงไปบ้าง ประมาณอีก 4-5 เดือนก็น่าจะปิดบัตรใบนี้ได้ และก็เหลือเพียงใบเดียวคือ 60,000 บาท คราวนี้ก็ไม่ยากล่ะ อีก 3-4 เดือน ก็จะปิดบัตรใบนี้ได้เช่นกัน รวมเวลาที่ปิดบัตรทั้งหมดหากเจ้าของกระทู้ใช้วิธีนี้ก็ประมาณปีกว่า ๆ หรือให้เต็มที่ก็ไม่เกินสองปีก็น่าจะเคลียร์ได้เรียบร้อย สำคัญคือเรื่องวินัยในการควบคุมค่าใช้จ่ายและต้องอย่ารูดเพิ่มด้วย
-
ขายรถยนต์
รถยนต์คันที่ผ่อนอยู่เป็นภาระหนี้ที่ต้องผ่อนถึงเดือนละ 7,800 บาท ถือว่าเยอะอยู่เหมือนกัน หากต้องการเคลียร์หนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่ได้เร็วขึ้น เจ้าของกระทู้น่าจะลองพิจารณาขายรถออกไป เพื่อลดภาระรายเดือนสามารถนำเงินที่เหลือไปจ่ายบัตรเครดิตได้เพิ่มขึ้น หนี้บัตรเครดิตก็จะเคลียร์ได้เร็วขึ้นด้วย ส่วนเรื่องรถยนต์หากอนาคตยังต้องการมีหรือใช้ก็ค่อยซื้อใหม่ตอนที่การเงินมั่นคงกว่านี้ก็ยังได้ หรือหากมีทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ ที่สามารถขายเพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้บัตรเครดิตก่อนได้ก็ควรทำ เช่น สร้อยทองหรือแหวนทอง
-
กู้เงินมาปิดบัตร
การกู้เงินก้อนใหม่ที่เท่ากับยอดบัตรเครดิตที่ค้าง 120,000 บาท เพื่อมาปิดบัตรทั้ง 3 ใบเป็นวิธีการเปลี่ยนหนี้จากบัตรเครดิตที่ต้องจ่ายขั้นต่ำรายเดือนเท่ากับประมาณเดือนละ 12,000 บาท โดยที่ยอดค้างก็ยังคงเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปีไปเรื่อย ๆ ให้เป็นหนี้ส่วนบุคคลที่มีระยะเวลาการจ่ายคืนที่แน่นอน พร้อมผ่อนจ่ายรายเดือนน้อยกว่า 12,000 บาท และการคิดดอกเบี้ยเป็นแบบลดต้นลดดอก ข้อดี ก็คือ ภาระในการผ่อนจ่ายรายเดือนจะน้อยลงกว่านี้ บางธนาคารยังมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษให้ในช่วงการผ่อนปีแรก ๆ ด้วย เช่น 9% 12 เดือน
วิธีกู้เงินมาปิดบัตรไม่ได้เป็นการปิดหนี้ แต่เป็นการเปลี่ยนสภาพหนี้เพื่อให้เราจัดการเรื่องการเงินของเราได้ดีขึ้น หากเรามีภาระที่ต้องผ่อนจ่ายรายเดือนน้อยลง ทำให้เราไม่เครียด มีเงินเหลือก็นำไปเก็บออมหรือลงทุนไม่ใช่เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เพียงอย่างเดียว ซึ่งที่จริงผลตอบแทนที่ได้ก็ไม่คุ้มกับหนี้ก้อนใหม่ที่เราต้องจ่ายดอกเบี้ย แต่เป็นการสร้างเสริมนิสัยและวินัยในการเก็บออมเพื่อให้พร้อมในวันที่เราจ่ายหนี้หมด ถึงตอนนั้นเราก็จะรู้จักวางแผนเรื่องเงินและเก็บออมเงินได้ดีขึ้น