การทำบัตรเครดิตนั้นไม่ได้จำกัดเพียงพนักงานออฟฟิศ ข้าราชการหรือผู้มีเงินเดือนประจำเท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าของบัตรเครดิตได้ แต่ผู้ประกอบอาชีพเป็นนักธุรกิจและเจ้าของกิจการเองก็สามารถมีบัตรเครดิตได้เช่นกัน ลักษณะของบัตรเครดิตของบุคคลทั่วไปและนักธุรกิจนั้นมีความแตกต่างกัน คือ นักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการนั้นต้องการบัตรเคดิตเพื่อนำมาใช้ในการหมุนเงินสดให้กับธุรกิจของตัวเอง เพื่อเพิ่มความสะดวก ทั้งเรื่องของการหมุนเงิน การสั่งสินค้าสำรองเงินจ่ายหรือการขยายกิจการ
บัตรเครดิตนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือสำหรับบุคคลทั่วไปเพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และสำหรับเจ้าของกิจการหรือนักธุรกิจที่นำบัตรมาเพื่อใช้เกี่ยวกับกิจการ บัตรเครดิตทั้ง 2 แบบมีความต่างกันที่โปรโมชั่น ดอกเบี้ย และวงเงิน เพื่อให้ผู้ถือบัตรได้รับประโยชน์จากการใช้งานบัตรเครดิตสูงสุด ผู้ถือบัตร ทั้งที่เป็นเจ้าของกิจการหรือนักธุรกิจและผู้ถือบัตรบุคคลทั่วไปสามารถเลือกบัตรเพื่อนำมาเปรียบเทียบวงเงินและดอกเบี้ยเพื่อเป็นข้อมูลในการ เลือกบัตรเครดิต ที่จะช่วยให้คุณจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
อ่านเพิ่มเติม >> นักธุรกิจ กับ มนุษย์เงินเดือน ใช้บัตรเครดิตต่างกันยังไง ? <<
เหตุผลที่เจ้าของกิจการและนักธุรกิจต้องมีบัตรเคดิตนั้นก็เพื่อช่วยในเรื่องของเงินหมุนเวียน เงินทุน การสร้างสภาพคล่อง เพราะแต่ละธุรกิจนั้นไม่ได้มีต้นทุนทางการเงินที่เท่ากัน ดังนั้นการลงทุนเปิดกิจการและการดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดจะต้องมีทุนเอาไว้สำรองในยามฉุกเฉิน เช่น การทำกำไรจากการซื้อสินค้าช่วงที่ราคาสินค้าต่ำสูงสุดและผู้ประกอบการสามารถหาลูกค้าได้ในช่วงเวลานั้น ๆ ผู้ประกอบการจึงสามารถทำกำไรจากการยืมเงินในบัตรเครดิตไปก่อนและสามารถจ่ายคืนโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ทำให้บัตรเครดิตมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะนักธุรกิจที่เพิ่งเริ่มทำกิจการใหม่ ๆ ซึ่งเรามีหลักการเลือกทำบัตรเครดิตของเจ้าของกิจการมาแนะนำกัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการเลือกและตัดสินใจ
ความต้องการทางธุรกิจ
ขั้นแรกเจ้าของกิจการเองจะต้องรู้ก่อนว่า กิจการที่ตัวเองกำลังทำนั้นต้องการเงินหมุนเวียนอยู่ที่เท่าไหร่ เช่น การเปิดกิจการท่องเที่ยวที่ต้องใช้เงินหมุนเวียนอยู่ที่ 300,000 บาทต่อเดือน เพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของบริษัท ระหว่างที่ต้องรอรายได้จากลูกค้า ระหว่างนั้นก็สามารถใช้เงินที่เป็นทุนตรงนี้ทดแทนไปก่อนได้ เมื่อรู้ความต้องการแล้วว่าธุรกิจท่องเที่ยวของเรานั้นมีวงเงินอยู่ที่ 300,000 บาทต่อเดือน เราจึงค่อยมาสำรวจประเภทของบัตรว่ามีบัตรประเภทไหนบ้างที่ให้สิทธิประโยชน์กับธุรกิจได้มากที่สุด โดยควรเลือกบัตรที่คิดดอกเบี้ยต่ำที่สุดหรือบางบัตรอาจจะให้สิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด
ดอกเบี้ยและระยะเวลาในการผ่อนชำระ
เรื่องการใช้บัตรเครดิต ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายนั้นมีความสำคัญมาก ก่อนตัดสินใจสมัครบัตรเครดิต เจ้าของกิจการเองจะต้องศึกษาเรื่องดอกเบี้ยให้ละเอียด เช่น วงเงินที่ได้รับ อัตราดอกเบี้ย ระยะการชำระ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดสภาพคล่องต่อกิจการได้มากขึ้นหรือต่ำลงได้ เนื่องจากหากเกิดภาวะขาดสภาพคล่องในธุรกิจขึ้น จำเป็นต้องชำระเพียงขั้นต่ำไปก่อน ดอกเบี้ยจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เงินต้นสูงตามไปด้วย จนส่งผลกระทบต่อกิจการ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดควรเลือกทำบัตรเครดิตกับธนาคารที่มีความยืดหยุ่นต่อธุรกิจ เช่น ดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลาการชำระที่สูง เพื่อป้องกันปัญหาขาดสภาพคล่อง อีกทั้งธุรกิจจะได้มีกำลังพอที่จะผ่อนส่งหนี้บัตรเครดิต
โปรโมชั่นที่เหมาะสม
ในการทำบัตรเครดิตทุกประเภทนั้น ทุกธนาคารมักจะออกโปรโมชั่นมาเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ทั้งการใช้บัตรเครดิตที่สูงตามเป้าที่ธนาคารกำหนดไว้ ผู้ถือบัตรจะได้สิทธิ์รับเงินคืน หรือการนำคะแนนสะสมมาใช้เพื่อซื้อสินค้าในราคาถูกลงในครั้งต่อไป แต่โปรโมชั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเท่านั้น ดอกเบี้ยจากเงินกู้เป็นอีกตัวหนึ่งที่ผู้ถือบัตรจะนำมาเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาเลือกถือบัตรเครดิต เพราะผู้ถือบัตรบางคนไม่ได้สนใจสะสมแต้มเพื่อซื้อของเลย แต่ถือบัตรเครดิตเพียงเพื่อต้องการให้เกิดสภาพคล่องของเงินสดในธุรกิจเท่านั้น
รูปแบบการบริการ
เป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งต่อการตัดสินใจสมัครบัตรเครดิตต่อทั้งบุคคลทั่วไปและเจ้าของกิจการ เพราะว่าหากลูกค้าไม่ได้รับการบริการที่ดี ใช้คำพูดไม่สุภาพอ่อนโยน ไม่อำนวยความสะดวกในด้านการให้ข้อมูลที่ครอบคลุมอย่างที่ลูกค้าต้องการ ไม่มีความรู้ในบริการบัตรเครดิตต่าง ๆ ของสถาบันการเงินหรือธนาคารที่ตนปฏิบัติงาน พนักงานของสถาบันการเงินมักยัดเยียดบัตรที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้ การให้บริการแบบนี้จะส่งผลโดยตรงทำให้ผู้สมัครบัตรรู้สึกแย่ต่อตัวสินค้าและองค์กร ซึ่งอาจจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจไม่ทำบัตรเครดิตของธนาคารหรือสถาบันการเงินเหล่านั้นเลยก็เป็นได้
ศึกษากฎหมายบัตรเครดิต
เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ถือบัตรทั้งที่เป็นเจ้าของกิจการและบุคคลทั่วไป โดยก่อนจะตัดสินใจเลือกทำบัตรเครดิตกับธนาคารไหนนั้นจะต้องศึกษาหาความรู้เรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือบัตรเครดิตไว้บ้าง เพื่อเอาไว้ปกป้องสิทธิของตัวเองเมื่อเกิดปัญหา เช่น ปัญหาการผ่อนชำระช้า ปัญหาการทวงเงินที่ก่อให้เกิดความอายต่อลูกหนี้ การประจาน ปัญหาเรื่องการโทรมาทวงที่ไม่สุภาพและปัญหาการขู่ปิดกิจการเป็นต้น เพราะเจ้าของธุรกิจหลายท่านเมื่อตัดสินใจทำบัตรเครดิตไปแล้วและพบว่าตัวเองเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางธุรกิจ ทำให้ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดได้ อาจจะถูกทางธนาคารทวงเงินในรูปแบบที่ไม่เหมาะสม หากเรารู้กฎหมายเราก็สามารถฟ้องร้องและดำเนินคดีกับธนาคารเหล่านี้ได้เช่นกัน
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากการขอทำบัตรเครดิตของเจ้าของกิจการนั้นต่างจากคนทั่วไป เนื่องจากต้องปล่อยเครดิตที่มีวงเงินสูง ดังนั้นเรื่องเอกสารก็อาจจะยุ่งยากกว่าบัตรเครดิตประเภทอื่น ก่อนสมัครบัตรเครดิต ผู้ประกอบกิจการควรต้องเตรียมเอกสารที่ใช้ในการขอสินเชื่อให้ครบถ้วน เช่น บัตรประชาชน เอกสารแสดงรายได้ ทะเบียนการค้า สเตทเม้นท์ เป็นต้น
บัตรเครดิตช่วยให้คุณสามารถเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจได้ สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบธุรกิจควรใส่ใจ คือ คุณจะต้องรู้ว่าหลังจากขอเครดิตไปแล้ว คุณสามารถทำการคืนเงินได้ในระยะเวลาที่ต้องชำระเงิน เพื่อให้ธุรกิจของคุณเสียค่าดอกเบี้ยต่ำที่สุดและทำกำไรให้กับธุรกิจของคุณได้มากที่สุด