เชื่อว่าสถานการณ์ของคนอีกเป็นจำนวนมากที่หลงใช้บัตรเครดิตกันอย่างฟุ่มเฟือยไร้วินัยและขาดการจัดระบบระเบียบก็คงไม่แตกต่างกันนัก นั่นก็คือการลงเอยด้วยการเป็นหนี้บัตรเครดิตจนหนี้ท่วมและต้องติด แบล็คลิส รวมถึงเครดิตบูโรในที่สุด แต่สิ่งที่กระทบมากไปยิ่งกว่าการกลายเป็นคนไร้เครดิตไม่น่าเชื่อถือก็คือ การที่ต้องล้มเหลวในชีวิตส่วนตัวหลาย ๆ ด้านและพบกับอุปสรรคในการใช้ชีวิตอีกมาก ผลเสียจากบัตรเครดิตที่กระทบต่อชีวิตที่ได้รวบรวมมาให้เห็นชัดเจนได้แก่
1 ใช้เงินฟุ้งเฟ้อ
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการใช้บัตรเครดิต เพราะคนหลายคนไม่รู้จักการจัดสรรและวางระบบในการใช้จ่ายเงิน บัตรเครดิตจึงกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้การใช้จ่ายเงินล้มเหลวเร็วขึ้น ด้วยความที่ใช้จ่ายและไม่ได้เห็นตัวเงินที่จ่ายผ่านมือไป ทำให้ไม่ได้ฉุกคิดหรือยังยั้งชั่งใจ คนที่ล้มเหลวและเป็นหนี้บัตรเครดิตส่วนใหญ่ใช้เงินโดยไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ว่าจะจ่ายไปกับอะไรและจะหาเงินจากส่วนไหนมาจ่ายคืนทดแทน ถูกหลอกด้วยการคิดว่าเงินจำนวนนั้นในบัตรเครดิตเป็นสิทธิที่เจ้าของบัตรจะใช้ได้ แท้ที่จริงคือการเดินก้าวเข้าสู่การเป็นหนี้ก้อนโต เป็นการใช้เงินของคนอื่นไม่ใช่ของตนเอง และจำเป็นที่จะต้องชดใช้พร้อมดอกเบี้ยสูง
2 ตกอยู่ในวงจรการผ่อนใช้หนี้
เมื่อใช้เงินในบัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน และทำบัตรเครดิตเพิ่มอีกเรื่อย ๆ ก็กลายเป็นหนี้ที่พอกพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ การมีบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบไม่มีผลดีใด ๆ เลย บัตรเครดิตนั้นมีได้ แต่ว่าควรจำกัดจำนวนและวงเงินทั้งหมด ส่วนใหญ่แล้วไม่ควรมีเกิน 2 ใบเว้นเสียจากว่าคุณเป็นคนที่มีระบบการจัดสรรเงินดีมาก ถือบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบเพื่อใช้สิทธิพิเศษของบัตร และรูดบัตรในวงเงินที่สามารถชำระเต็มได้ในสิ้นเดือน คุณจะใช้บัตรเครดิตได้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า สำหรับคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตเต็มวงเงินหลายใบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือน ๆ กันหมดก็คือ การจ่ายเฉพาะขั้นต่ำของบัตรทุกใบและการกดเงินสดและรูดบัตรมาใช้วนไป ซึ่งมีแต่พอกพูนให้หนี้สินจากบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นทุกวันไม่มีทางลด การผ่อนขำระหนี้ขั้นต่ำแทบไม่มีผลใด ๆ ตกอยู่ในวงจรเหมือนหนูติดจั่นที่วิ่งเหนื่อยอยู่ในวงล้ออย่างเหนื่อยเปล่าไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
3 สูญเสียความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงจากคนรอบข้าง
สิ่งที่ตามมาก็คือเริ่มจ่ายหนี้บัตรเครดิตไม่ไหว จ่ายไม่ทันและไม่มีเงินพอจ่าย เกิดการทวงหนี้ทำให้เสียความน่าเชื่อถือในสังคม ที่ทำงาน คนรอบข้าง เสียภาพพจน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อเสียไปแล้วก็เสียเลยไม่มีทางกู้กลับคืนมาได้
4 ชีวิตขาดความสงบ สุขภาพจิตแย่
เมื่อเกิดผลกระทบต่อชีวิตและสังคมก็ทำให้ขาดความสุขสงบในชีวิตไป และกระทบต่อสุขภาพจิตที่ย่ำแย่จากการทวงหนี้ จากสายตาและคำพูดคนรอบข้าง นอนไม่หลับ กลุ้มใจ ขาดอิสระในชีวิต สมองก็ไม่ปลอดโปร่งทำอะไรก็ไม่ราบรื่น
5 กระทบต่อการงานและการดำรงชีวิต (ครอบครัวล่มสลาย)
หลายครั้งที่การเป็นหนี้บัตรเครดิตและถูกทวงถามถึงที่ทำงาน ทำให้คนหลาย ๆ คนตัดสินใจลาออกเปลี่ยนงานเพราะทนแรงกดดันไม่ได้ ขาดเสถียรภาพและความมั่นคงในชีวิตไป เปลี่ยนงานไปเรื่อย กระทบต่อชีวิตครอบครัวเมื่อเกิดความเครียด ทะเลาะกับคู่สมรสคนในบ้าน พาลให้ระยะยาวชีวิตครอบครัวอาจจะล่มสลายได้ เพราะสำหรับครอบครัวแล้วปัญหาการเงินและภาวะอารมณ์มีผลกระทบเป็นอย่างมาก
บทเรียนและข้อสรุปในการรับมือกับหนี้บัตรเครดิต
จากการเป็นหนี้บัตรเครดิตและรายละเอียดที่ได้กล่าวถึงผลกระทบจากหนี้บัตรเครดิตนั้น มีบทเรียนที่นำมาฝากและข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ก็คือ
1 สำหรับผู้ที่ชีวิตยังไม่พังไปเพราะบัตรเครดิต และยังคงมีบัตรเครดิตใช้ควรหันกลับมาพิจารณาการใช้บัตรของเรา จัดระบบการใช้เงินเสียใหม่ พยายามหาเงินมาโปะบัตรให้หมดและใช้เมื่อจำเป็นต้องใช้จริง ๆ
2 ถ้ายังคงจ่ายชำระขั้นต่ำอยู่ให้ชำระตรงเวลาและหารายได้หรือเงินมาโปะบัตรให้หมดทีละใบเริ่มจากใบที่มีดอกเบี้ยสูงสุดก่อน เมื่อชำระปิดบัตรแล้วให้หักบัตรทิ้ง เหลือไว้สัก 1-2 ใบก็พอ
3 หากไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยขั้นต่ำได้ อย่าหนีหาย เปลี่ยนหรือปิดมือถือ บล็อกช่องทางการติดต่อ เพราะสิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้เกิดความเดือดร้อนกับคุณมากกว่าเดิม ให้กล้าเผชิญหน้าเจ้าหน้าที่ พูดคุยและเจรจาต่อรองหาข้อตกลงให้ได้
4 ต้องกล้ายอมรับความจริง เผชิญปัญหาด้วยสติไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึก และอย่าเครียด ค่อย ๆ หาทางแก้ไขผ่อนหนักเป็นเบา และเริ่มต้นใหม่กับชีวิตให้ได้ โดยนำบทเรียนครั้งนี้มาเรียนรู้และปรับปรุง
บัตรเครดิตก็เหมือนเหรียญสองด้านที่มีทั้งประโยชน์และโทษ การมีบัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่อาจจะต้องพิจารณาว่าเราเหมาะที่จะใช้บัตรหรือไม่ ก่อนที่จะสายเกินไปและก่อนที่เจ้าบัตรพลาสติกใบเล็ก ๆ จะทำลายความสุขและชีวิตของคุณไป ตราบใดที่ยังไม่พร้อมก็ไม่ควรทำมาใช้ หรือถ้าแก้ปัญหาล้างหนี้ได้เรียบร้อยก็ไม่ควรนำมาใช้ให้เป็นกับดักในชีวิตอีก
จากกระทู้ https://pantip.com/topic/36673683