จากกระทู้ http://pantip.com/topic/34618373 ที่ได้โพสเล่าประสบการณ์ ข้อมูลบัตรเครดิตรั่ว ไปสู่บริษัทประกันโดยไม่รู้ตัวและมารู้ต่อเมื่อมีการแจ้งมาทาง sms ระบุว่ายอดเรียกเก็บเงินไม่สามารถทำได้เพราะ ระบุวันหมดอายุของบัตรผิด (ขอเน้นสีแดงตรงนี้ไว้ก่อนแล้วจะอธิบายภายหลัง) เมื่อได้รับข้อความแบบนี้ทางเจ้าของกระทู้ก็โทรหาธนาคารเจ้าของบัตร และได้ทราบว่าเป็นการเรียกเก็บค่าประกันชีวิตจากบริษัทหนึ่งยอดเงินหลักแสนต้น เจ้าของกระทู้เลยบอกว่าไม่เคยทำประกันกับที่นี่ไม่เคยติดต่อไม่เคยโทรคุยหรือมีพนักงานโทรมาและไม่เคยตกลงทำธุรกรรมใดๆทั้งสิ้น ทางธนาคารแนะนำให้อายัดบัตร และแจ้งว่าไม่ได้หักยอดเงินตามที่บริษัทประกันแจ้งมาด้วย แต่เจ้าของกระทู้ก็ยังสงสัยว่าควรแจ้งความไหม ทางธนาคารบอกว่าไม่แจ้งก็ได้เพราะไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากไม่ได้ตัดยอดเงิน และทางธนาคารให้ข้อสังเกตไว้ และแง่คิดจากเจ้าของกระทู้ แล้วเดี๋ยวเรามาวิเคราะห์ความเป็นไปได้กัน
-
ความผิดพลาดอาจจะเกิดจากทางบริษัทประกันดังกล่าวได้ข้อมูลผิดมา (เบอร์บัตรตรงเลยเชียวแหม) แต่เจ้าของกระทู้ก็ไม่แน่ใจว่าเกิดจากข้อมูลบัตรเราอาจจะรั่วไหลหรือมีคนเอาบัตรเราไปแอบอ้างหรือเปล่า
จากที่ธนาคารตั้งข้อสังเกตมา มันมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะข้อมูลบัตรเครดิตจะรั่วไหล ขอตอบเลยว่าสำหรับยุคนี้มีความเป็นไปได้มากกว่า 50% ทั้งการไปรูดซื้อสินค้า และการซื้อออนไลน์ หรือไปกดเงินตามตู้ ATM ข้อมูลบัตรเครดิตนั้นมีแนวโน้มรั่วได้จริงๆ ลองวิเคราะห์จากความเป็นจริง ในการรูดซื้อสินค้าแม้ว่าจะรูดที่เครื่องเซ็นที่สลิป แต่ในสลิปมีรายละเอียดของเลขบัตรซึ่งเคยมีกรณีที่มีสลิปของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแสดงเลขบัตรครบทุกหลักซึ่งมีหลายแห่งเป็นแบบนี้ นั่นหมายถึงคุณได้สลิปมาต้องเก็บให้ดีจะที้งต้องตัดทำลายส่วนที่แสดงเลขบัตรก่อนแม้ว่าในส่วนที่อยู่กับร้านค้าเพื่อเป็นหลักฐานเก็บเงินจากธนาคารจะไม่โชว์เลขบัตรก็ตาม แต่ข้อมูลเหล่านี้สามารถรั่วไหลได้หลายช่องทาง ทั้งจากธนาคารต้นสังกัดเองก็ตาม
-
อีกประเด็นที่พึ่งคิดได้หลังจากที่อายัดบัตรเสร็จแล้วคือ ยอดเรียกเก็บที่เรียกมามันเกินวงเงินบัตร ถ้าเกิดมันเรียกน้อยกว่าสักหน่อย อาจจะไม่มีการแจ้งมาแล้วหักไปเองเลย(หรือเปล่า)
อันนี้เป็นข้อสังเกตจากเจ้าของกระทู้คือ หากยอดเงินน้อยกว่านี้และระบุวันหมดอายุของบัตรถูกต้องเป็นไปได้ไหมว่าจะไม่มีการส่ง sms มายืนยันการตัดเงินจากบัญชี ซึ่งในยุคนี้นิยมให้ตัดค่าบริการต่างๆผ่านบัตรเครดิตกันมากและมักไม่มีการส่ง sms ให้ตอบรับการตัดบัญชีส่วนใหญ่ตัดเงินไปแล้วถึงมาแจ้ง นั่นหมายถึงสามารถมีรายการแอบแฝงหรือตัดเงินเกินจากที่ตกลงกันไว้ได้ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างอันตรายพอสมควรเพราะจะทำให้เป็นหนี้บัตรเครดิตเพิ่มได้อย่างไม่รู้ตัว นี่คืออันตรายที่แฝงมากับความสะดวกสบายและไฮโซที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง
ที่นี้มาดูข้อสังเกตตรงนี้กัน ระบุวันหมดอายุของบัตรผิด บนบัตรเครดิตจะมีการระบุวันหมดอายุเพื่อให้ร้านค้าได้ทราบว่าบัตรที่นำมารูดซื้อของนั้นยังใช้ได้หรือไม่ได้และต้องดูประกอบกับลายเซ็นต์ด้านหลังบัตรก่อนทำการรูดให้ลูกค้า ซึ่งตรงจุดนี้น่าจะเดาได้ว่าทางบริษัทประกันนั้นได้แค่เลขบัตรเครดิตไปแต่ไม่มีวันหมดอายุ หรืออาจจะทำการคีย์ผิดเลยทำให้ความแตกว่าแอบลักลอบทำประกันให้โดยที่ลูกค้าไม่ยินยอม
เป็นการเรียกเก็บค่าประกันชีวิตจากบริษัทหนึ่งยอดเงินหลักแสนต้น อ่านแล้วอึ้งกันไปเลยเก็บเงินแสนกว่าบาทอยากถามว่านี่คือเก็บระยะยาวค่าเบี้ยกี่ปีกันเนี่ย !!!!!! ซึ่งเจ้าของกระทู้ใส่รูปมาให้ดูด้วยสามารถเข้าไปดูได้เลยว่าเรียกเก็บมาแสนกว่าจริงๆ ซึ่งหากใครโดนแบบนี้ก็คงงงกันน่าดู
ทางธนาคารบอกว่าไม่แจ้งก็ได้เพราะไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากไม่ได้ตัดยอดเงิน ในข้อนี้อยากแนะนำว่าควรแจ้งความจะดีกว่าเอาไว้เป็นหลักฐานและขอความร่วมมือกับทางธนาคารให้พิมพ์เอกสารการเรียกเก็บเงินจากบริษัทประกันนี้มาให้เพื่อที่จะเป็นหลักฐานและไปร้องเรียนกับ สคบและหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการประกันภัย (กรมการประกันภัย )เพราะนี่เปรียบเสมือนการโจรกรรมข้อมูลทางบัตรเครดิต และการบังคับขู่เข็ญให้ทำประกัน ซึ่งเจ้าของกระทู้มีสิทธิฟ้องร้องได้และหากมีการสืบกันจริงๆจะสามารถหาต้นตอการที่ข้อมูลรั่วไหลได้ว่ามาจากไหนและสามารถล้างวงจรการขายประกันอุบาทว์ได้ด้วย หากใครโดนกรณีแบบนี้แนะนำให้เก็บหลักฐานและแจ้งความเพื่อปกป้องข้อมูลและการเงินของตัวเอง
อ่านเพิ่มเติม >> ทำไงดี บัตรเครดิตถูกสวมรอย <<
เพิ่มเติม : บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ แคชแบ็ก รับเงินคืนทุกครั้งที่ใช้จ่าย