หมดความยุ่งยากอีกต่อไป สำหรับใครที่ทำผิดกฎจราจรแล้วเกิดกังวล ไม่อยากเดินทางไปเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจ เพราะความไม่สะดวก หรือติดภารกิจการงานที่ยุ่งตลอดทั้งวัน เพราะตั้งแต่วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ได้ขยายช่องทางการรับชำระค่าปรับจราจรผ่านเคาน์เตอร์ หรือตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยทุกสาขาได้แล้ว
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 59 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามร่วมกับนายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย พร้อมแถลงถึงความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ได้รับใบสั่งให้สามารถชำระค่าปรับจราจรผ่านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ต้องเดินทางไปชำระที่สถานีตำรวจ กองบังคับการตำรวจจราจร หรือกองบังคับการตำรวจทางหลวงโดยตรงอีกต่อไป
สำหรับความร่วมมือนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังได้กล่าวเสริมอีกว่า เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาล เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาการเดินทางของประชาชน ทั้งยังต้องการยกระดับมาตรฐานงานด้านบริการประชาชนให้มีความสะดวก เหมาะสมกับวิถีชีวิตในปัจจุบัน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและธนาคารกรุงไทยจึงได้ร่วมกันพัฒนาระบบรองรับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้ทันสมัย และรองรับการให้บริการกับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง
เหตุผลที่เลือกธนาคารกรุงไทย เพราะเป็นธนาคารที่มีศักยภาพในการติดตั้งระบบการเชื่อมต่อข้อมูลรองรับการชำระเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ทั้งยังมีระบบตรวจสอบการรับส่งเงินตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมั่นใจว่า ประชาชนที่มาใช้บริการชำระค่าปรับจราจรจะมีความประทับใจจากความรวดเร็ว ไม่ได้รับความยุ่งยาก แถมสะดวกในการเดินทางอย่างแน่นอน เพราะมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ
ในวันที่ 1 ก.ย. 59 เป็นต้นไป ประชาชนที่ได้รับใบสั่งประเภทไม่ยึดใบขับขี่ ซึ่งเป็นใบสั่งจากกล้องที่มีแถบบาร์โค้ด จะสามารถชำระค่าปรับได้แล้วที่หน้าเคาน์เตอร์สาขากว่า 1,200 แห่ง และ KTB net bank ส่วนการชำระผ่านเครื่อง ATM กว่า 9,000 เครื่องนั้น จะเริ่มชำระได้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 59 ทั้งนี้ ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยยังยืนยันด้วยว่า ภายในเดือน ม.ค. 60 ธนาคารจะขยายบริการรับชำระใบสั่งทุกประเภทจากทุกสถานีตำรวจได้อย่างแน่นอน และในอนาคตยังมีโครงการขยายช่องทางการชำระเงินด้วยบัตรเดบิต และบัตรเครดิตผ่านทางตัวแทนรับชำระเงิน (Banking Agent) และผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย
สำหรับรูปแบบใบสั่งในปัจจุบันมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ
- ใบสั่งที่ออกจากเล่ม
- ใบสั่งผ่านกล้องรูปแบบเดิม
- ใบสั่งผ่านกล้องรูปแบบใหม่ ซึ่งจะมีแถบบาร์โค้ดปรากฏอยู่
นอกจากโครงการนี้แล้ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีแนวคิดในการจัดทำรถโมบายพลังงานไฟฟ้า ที่มีอุปกรณ์สแกนครบครันทันสมัย ในการตรวจจับรถที่จอดกีดขวางการจราจรในพื้นที่จราจรคับคั่ง และตรวจจับทะเบียนปลอม เพื่อใช้ในงานด้านความมั่นคงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำท้องที่ละ 1 คันอีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นได้มีการหารือกับรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการของบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติม
ตั้งแต่วันนี้ ใครที่ได้รับใบสั่งผ่านกล้องก็สบายใจได้ว่า คงไม่ต้องประสบปัญหาความยุ่งยาก และลำบากใจในการเดินทางไปชำระค่าปรับถึงสถานีตำรวจอีกแล้ว เพราะสามารถใช้บริการผ่านธนาคารกรุงไทยใกล้บ้านได้อย่างสะดวก
…แต่ทางที่ดี ไม่ต้องมีใบสั่งจากคุณตำรวจเลยจะแฮปปี้ที่สุด จริงมั้ยล่ะคะ…
ที่มา