หนี้สิน เชื่อว่า ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อครอบครัวไม่ได้รวย ทางเลือกหนึ่งของการสร้างครอบครัวก็คือ การเริ่มเป็นหนี้
ครั้งแรกที่เป็นหนี้ คือ ค่าผ่อนคอนโด ด้วยความที่เราทำงานอยู่ต่างจังหวัดแถมยังไม่ได้อยู่ในจังหวัดบ้านเกิด จำเป็นที่จะต้องเช่าหอพัก ซึ่งในแต่ละเดือนก็จ่ายประมาณ 3,500 บาท เงินเดือนที่ได้ก็ไม่ได้มากอะไรสมัยนั้น 7,170 บาท แต่ก็ต้องอดทน เพราะว่าเด็กจบใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์ แถมเราทำงานของรัฐ อัตราเงินเดือนก็จะเป็นไปตามประกาศของรัฐบาล ในปีหนึ่งที่รัฐบาลประกาศขึ้นเงินเดือนเป็น 15,000 บาท ตอนนั้นก็เป็นช่วงที่รัฐบาลมีนโยบาย รถคันแรก และบ้านหลังแรก แต่เราเลือกบ้านหลังแรก เพราะว่าไม่อยากจะจ่ายค่าหอแพงๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นของเราอีก ก็เลยตัดสินใจดูคอนโด
ที่เลือกคอนโด เพราะระยะที่กำลังจะดูบ้านนั้น เกิดน้ำท่วม ก็เลยเลือกคอนโด ถ้าน้ำท่วมอีก จะได้ไม่ท่วมห้องที่อยู่ เราเลือกคอนโด ในตอนนั้นราคา 710,000 บาท ทำสัญญาผ่อนกับธนาคารเรียบร้อย เป็นสิ่งแรกที่เป็นหนี้โดยที่ไม่ได้บอกให้ครอบครัวรู้ ไม่นานหลังจากที่แต่งงานมีครอบครัว มีที่อยู่ ต่อมาก็ต้องมีรถ แฟนก็ไม่ได้ทำงานได้เงินเดือนมากอะไร แต่ก็ซื้อรถเพื่อที่แฟนจะได้ใช้ทำงาน เลยต้องกู้ซื้อรถโดยผ่านไฟแนนซ์อีก รู้ทั้งรู้ว่าดอกแพงแต่ก็ไม่มีเงินก้อนที่จะซื้อ หลังจากนั้น ก็เลยมีหนี้ 2 อย่าง ส่งรถ 8,300 บาท ส่งคอนโด 5,000 บาท พอเงินเดือนออก ก็หมดไปแล้วถึง 13,300 บาท โชคดีหน่อยตอนนั้นรัฐบาลปรับฐานเงินเดือนอีกครั้ง เลยได้เงินเพิ่มมาเป็น 18,000 บาท แต่ก็ยังไม่พอใช้
ยอมรับว่าตอนนั้น เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดในการใช้เงินมากก็ว่าได้ เพราะเราไม่ได้หยุดแค่การเป็นหนี้คอนโดและรถ ตามมาด้วยหนี้จากการยืมคนรู้จัก หนี้บัตรเครดิต หลายใบ แรกๆ ก็มีเงินจ่ายตามกำหนด แต่ตอนหลังแฟนตกงาน ภาระการจ่ายทั้งหมดเลยตกเป็นของเรา เงินเดือนช่วงนั้นถึงแม้จะมากถึง 20,000 บาท แต่ก็ยังไม่พอสำหรับจ่ายหนี้ทั้งหมดสำหรับคนคนเดียว แฟนก็ยังตกงาน และพยายามหาของขาย แต่ครอบครัวเราก็ยังไม่ได้มีเงินเก็บอะไรมากมาย เพราะช่วงที่แฟนสามารถหาเงินได้มาก ก็มักจะหมดไปกับกินเหล้ากับเพื่อน และซื้อของใช้ราคาแพง กับค่าน้ำมันที่ยังไม่ลดลงแบบตอนนี้
ทำให้สภาพคล่องทางการเงินในครอบครัวเริ่มฝืดเคือง รายได้ไม่พอกับรายจ่าย แฟนจึงให้จ่ายบัตรเครดิต 3 ใบก่อน อีก 3 ใบ ยังไม่ต้องจ่าย เดือนต่อไป ก็จ่าย 3 ใบที่ยังไม่ได้จ่ายในเดือนที่แล้ว บางครั้งแฟนก็ให้กดเงินสดจากบัตรเครดิต มาโปะอีกบัตร ซึ่งวิธีการพวกนี้ มันไม่ได้ช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินของเราดีขึ้น แต่ยังทำให้มีหนี้เพิ่มขึ้นอีก เพราะตอนนั้นไม่ได้มีวินัยในการจ่ายเงิน จึงทำให้ดอกเบี้ยทบเท่าตัวเวลาบิลเรียกเก็บในเดือนต่อไป เห็นยอดขั้นต่ำเรียกเก็บบัตรเครดิตแทบช็อก บัตรใบเดียว เรียกเก็บถึง 6,000 กว่าบาท เงินเดือนเราจ่ายค่ารถ ค่าคอนโด จ่ายบัตรใบนี้ก็หมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงบัตรที่เหลือที่จะหาที่ไหนมาจ่าย และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีเงินเหลือกินเหลืออยู่อย่างไร
ตอนนั้น ด้วยความที่เราบริหารการเงินไม่เป็น จัดการการเงินไม่ได้ แฟนว่ายังไงก็ว่าตามกัน เลยทำให้เป็นหนี้สุมหัวมากมายขนาดนี้ รู้ตัวอีกที รายจ่ายมากกว่ารายรับ ไม่ใช่มากกว่าธรรมดา มากกว่าเกือบเท่าตัว เป็นใครๆ ก็เครียด
ตอนนั้น พอเริ่มรู้สึกตัว คือสิ่งแรกที่ต้องทำคือ ขอไปผ่อนผันกับทางธนาคาร แต่บางบัตรก็ปล่อยไปก่อน เพราะมันจ่ายไม่ไหวจริงๆ ถ้าจ่ายหมดเราจะกินอะไร ด้วยความที่ปล่อยไม่ได้จ่าย เลยทำให้เจอหมายศาลมาที่บ้าน เพื่อนัดไกล่เกลี่ย ครั้งแรกที่เจอหมายศาล เครียดมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี แฟนก็ยังได้เงินไม่มากพอ แต่เราก็ต้องไปดีกว่าหนี ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผลเสียตามมาอีกมากมาย