“ทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงินไปใช้แล้ว” หรือจะเป็น “ไม่ต้องขายของ แค่มีเวลาเล่นอินเตอร์เน็ต ก็ทำเงินได้แล้ว” เราน่าจะเคยได้เห็นประโยคเหล่านี้ตามหน้าเฟสบุ๊คของตัวเองกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีคำถามตามมาอยู่เหมือนกันว่าเป็นการทำงานจริงๆ หรือเปล่า ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเป็นการจ้างทำงานจริงๆ ก็มี หรืออีกตัวอย่างที่เรามักจะเห็นอีก เช่น การโฆษณาให้เราเป็นสมาชิกของสินค้าอะไรสักอย่าง ที่มักจะมีคุณสมบัติที่พิเศษมากไม่เหมือนใคร มีราคาสูงเกินกว่าตัวสินค้า จากนั้นก็ให้เราไปบอกต่อและชวนเพื่อนมาสมัครกับใช้สินค้าด้วยเราก็จะได้ค่านายหน้า ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องดูให้ดีๆ กันสักหน่อยก่อนที่จะสมัครและซื้อสินค้ามาใช้กัน ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเป็นการขายตรงจริงๆ แต่บางครั้งก็เป็นการหลอกลวงหรือที่เราได้ยินกันบ่อยๆ คือ แชร์ลูกโซ่
ทีนี้ก็มาดูกันดีกว่าว่า ขายตรง กับ แชร์ลูกโซ่ เหมือนหรือต่างกันยังไง
ถ้าเป็นธุรกิจขายตรงเราจะต้องไปเสนอขายสินค้ากับคนซื้อโดยตรง ผลตอบแทนที่จะได้รับก็จะต้องมาจากยอดขาย โดยที่เราไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าเพื่อให้ได้สิทธิในการเข้าร่วมธุรกิจ และสินค้าที่ให้เราไปขายนั้นจะต้องมีคุณภาพ แต่ถ้าเป็นแชร์ลูกโซ่ที่พ่วงอยู่ในธุรกิจขายตรงนั้นจะเน้นการหาสมาชิกมากกว่าการขายสินค้า และถ้าไปดูความเติบโตของธุรกิจนั้นจะมาจากจำนวนสมาชิกมากกว่ายอดขายสินค้า จึงทำให้ผลตอบแทนที่เราจะได้มาจากจำนวนเงินลงทุนของสมาชิกมากกว่าการขายสินค้าเหมือนกัน อีกทั้งผลตอบแทนที่ให้ก็มักจะมากเกินความเป็นจริง และที่สังเกตอีกอย่าง คือ ตัวสำนักงานไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน
โดยแชร์ลูกโซ่ที่อยู่ในเงาของธุรกิจขายตรงที่เราจะได้เห็นตามข่าวกันอยู่บ่อย เช่น แชร์น้ำมัน แชร์ไม้กฤษณา แชร์ประมูลเพชร แชร์ไอโฟน หรืออาจจะเป็นการลงทุนขายเครื่องสำอางค์นำเข้าจากต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนต่อเนื่องแต่ไม่ได้มีการขายสินค้าจริง ซึ่งคนที่คิดสิ่งแบบนี้ออกมานั้นมักจะใช้สิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากเป็นคือ การเป็นคนรวย มีเงินใช้โดยที่ไม่เดือนร้อน มีเวลาในการใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องตื่นเช้ารถติดไปทำงาน กว่าจะได้กลับบ้านก็มืดหมดแรงนอน โดยที่ไม่มีเวลาจะได้ใช้ชิวิตในแบบที่ต้องการได้
และแชร์ลูกโซ่อีกรูปแบบหนึ่งที่เราจะเจอกันบ่อยมากตามหน้าเฟสบุ๊ค ก็คือ การชวนให้หารายได้ทางอินเตอร์เน็ต ที่จะมีการโฆษณาชวนเชื่อที่บอกว่าเป็นการหารายได้เสริม รายได้ดี โชว์หน้าบัญชีเงินฝากธนาคารว่าทำงานไม่เท่าไรก็มีเงินโอนมาให้แล้ว แต่ไม่ยอมบอกเราว่ารายได้ที่จะได้มานั้นมาจากการทำอะไร อีกทั้งยังจูงใจเราด้วยว่าใช้เวลาในการทำงานเพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้ได้เงินหลายบาทแล้ว และเมื่อเราสนใจติดต่อกลับไปให้สิ่งที่ตามมา คือ เราจะต้องไปนั่งฟังสัมมนาที่จะโน้มน้าวหาข้อมูลมาทำให้เราสมัครสมาชิกด้วยจำนวนเงินที่มากพอสมควร และต่อจากนั้นก็จะให้ไปชวนเพื่อนมาสมัครอีกเหมือนกัน เพื่อมาชดเชยค่าสมาชิกที่เราจ่ายไปแล้ว นั่นก็จะทำให้กลายเป็นวังวนของแชร์ลูกโซ่ที่ไม่จบสิ้นเสียที
ดังนั้นก่อนที่เราจะเชื่อคำโฆษณาชวนเชิญแบบนี้เราจะต้องศึกษาที่มาที่ไปให้ดีก่อนว่า รูปแบบการลงทุนหรือสินค้าเป็นแบบไหน มีใบอนุญาตในการทำธุรกิจจริงหรือเปล่า ต้องไม่เกรงใจจนไม่กล้าที่จะปฏิเสธกับคนที่มาชวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในครอบครัวด้วยกันหรือเพื่อนที่สนิทกัน เพราะนั่นก็อาจจะถูกหลอกมาเหมือนกัน และจะต้องหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มต่างๆ กับกลุ่มธุรกิจที่เราไม่แน่ใจว่าขายหรือลงทุนทำอะไร เพราะหากเราเข้าไปร่วมแล้วล่ะก็เราจะถูกหว่านล้อมต่างๆ นานาจนทำให้ปฏิเสธไม่ได้และก็ต้องเสียเงินไปในที่สุด และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ เราจะต้องไม่โลภ อย่าเห็นแก่จำนวนเงินที่เอามาโชว์กัน เพราะฉะนั้นก่อนจะเข้าร่วมกับกลุ่มธุรกิจอะไรสักอย่างจะต้องศึกษาหาข้อมูลให้รอบด้านกันก่อน ไม่เช่นนั้นเราอาจจะถูกหลอกก็เป็นได้
อ่านเพิ่มเติม : รู้ทัน แชร์ลูกโซ่ การหลอกลวงที่มาพร้อมเศรษฐกิจที่ตกต่ำ