เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปอ่านหนังสือ E-book เกี่ยวกับการเงินอยู่เล่มหนึ่ง เป็นฟรี E-book ด้วยดาวน์โหลดได้ฟรี ผู้เขียน คือ โค้ชจักรพงษ์ เมษพันธุ์ โค้ชการเงินรุ่นใหม่ของประเทศไทย เป็นผู้ก่อตั้งชมรมพ่อรวยสวยลูกแห่งประเทศไทยและเป็นผู้แปลหนังสือขายดีเล่มดังกล่าวด้วย
โค้ชจักรพงษ์ได้จั่วหัวของหนังสือไว้ว่า เราสามารถเรียนรู้วิธีการในการเปลี่ยนความโชคร้ายจากการเป็นหนี้ ให้กลายเป็นพลังทวีทางการเงินที่จะสร้างความมั่งคั่งด้วยทรัพย์สินที่ทรงพลังที่สุดในโลกได้ เป็น E-book ที่มีเนื้อหาน่าสนใจเหมาะกับคนไทยในปัจจุบันที่ควรหามาอ่านกัน เนื่องจากโอกาสในการสร้างหนี้หรือบางคนก็ติดอยู่ในวังวนของการเป็นหนี้ไปเรียบร้อยแล้ว การรู้ตัวเองและมีความหวังที่จะปลดหนี้เพื่อให้มีชีวิตที่เป็นปกติเป็นพื้นฐานแรกที่จะทำให้ประสบความสำเร็จและสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งให้กับชีวิตของตนเองได้ในที่สุด เริ่มต้นจากการอ่าน E-book เล่มนี้ก่อนเลย โดย E-book เล่มนี้เป็นหนึ่งในพันธสัญญาของโค้ชจักรพงษ์ในการต้องการช่วยเหลือให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่เป็นหนี้ เพื่อส่งผลดีต่อสังคมและประเทศชาติโดยรวมต่อไป
โค้ชจักรพงษ์ได้เริ่มต้นไว้ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่มั่งคั่งและเป็นสุขทางการเงิน โค้ชเชื่อว่าที่หลายคนยังมีความทุกข์ในเรื่องการเงินอยู่ หลัก ๆ เป็นเพราะขาดแนวคิดและความรู้ทางการเงินที่ถูกต้อง เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เป็นเรื่องที่ไม่มีการเรียนการสอนในโรงเรียน เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอเมื่อถึงเวลา เป็นประสบการณ์ตรงทำให้หลายคนมีชีวิตที่แตกต่าง พ่อแม่หลายคนก็ไม่ได้สอนลูกในเรื่องการเงิน แค่เพียงคิดว่าทำงานหาเงินเพื่อส่งให้ลูกเรียนให้ดีที่สุด แต่ไม่ได้สอนวิธีบริหารเงินให้กับลูก เมื่อถึงเวลาที่ลูกโตขึ้นทำงานมีรายได้ เมื่อไม่พอใช้ก็เริ่มก่อหนี้ ไล่ตั้งแต่บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล กู้แล้วก็กู้ จ่ายคืนไม่ไหวก็กู้เพิ่ม จนดอกทบต้นเป็นหนี้ท่วมจ่ายไม่ไหว โค้ชจักรพงษ์เองก็เคยผ่านเวลาช่วงนี้มาเช่นเดียวกัน เลยทำให้มีความเข้าใจคนส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก
จากประสบการณ์ที่เคยผ่านมาก โค้ชได้ให้ข้อแนะนำถึงสัญญาณอันตรายของการก่อหนี้ที่ทุกอย่างพยายามบอกเรา แต่ตัวเราเองที่ไม่เคยสนใจและคิดจะฟัง หากเราเห็นสัญญาณเหล่านี้ก่อนและสามารถแก้ไขได้ทัน ชีวิตเราก็จะไม่ทุกข์กับหนี้ก้อนโต ตัวอย่างของสัญญาณอันตรายเหล่านี้ก็มี เริ่มชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตเพราะจ่ายไม่ไหว อัตราส่วนหนี้ต่อรายได้เกิน 40% เริ่มต้องกู้ยืมเงินมาเพื่อส่งค่างวดต่าง ๆ สัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นตัวบอกว่าตัวเราถือเป็นผู้ป่วยขั้นไหน เป็นขั้นปกติหรือเป็นขั้นโคม่าเราเองที่ต้องเป็นผู้ประเมิน
โค้ชได้เน้นย้ำเสมอถึงเรื่องการแก้ปัญหาทางเงินว่าจะต้องแก้ด้วยความรู้ทางการเงินเท่านั้น ที่สำคัญอีกอย่างคือต้องไม่หนี เพราะหากหนีก็ต้องหนีไปตลอด เมื่อไหร่จึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น ขอให้รับผิดชอบกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและไม่โทษใครนอกจากตัวเอง โค้ชได้ให้คำแนะนำถึงแนวทางในการปลดหนี้ไว้ 5 ขั้นตอนด้วยกัน สรุปได้ดังนี้
- หยุดก่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โค้ชได้แบ่งหนี้ออกเป็น 2 ประเภทเรียกว่า หนี้รวยกับหนี้จน หนี้รวยแปลว่าหนี้ที่กู้มาเพื่อซื้อทรัพย์สินที่นำไปใช้สร้างรายได้ให้กับเรา ส่วนหนี้จนคือหนี้ที่กู้มาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายไม่ก่อให้เกิดรายได้อะไร จงหยุดก่อหนี้จน หยุดกู้ยืมทุกอย่างไว้ก่อนจึงจะสามารถแก้ปัญหาได้
- ตรวจสอบหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่ เมื่อหยุดก่อหนี้แล้ว ก็มานั่งกางดูว่าหนี้ปัจจุบันที่เรามีอยู่มีอะไรบ้าง ปัญหาจะถูกแก้ได้ด้วยการเริ่มจากข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น
- หาทางปลดหนี้ด้วยเงินก้อน เมื่อทราบจำนวนหนี้ที่มีอยู่ คราวนี้ก็ถึงวิธีที่จะต้องหาเงินมาเพื่อชำระหนี้ ลองดูแนวทางที่เป็นไปได้ เช่น ใกล้จะได้รับโบนัส เงินพิเศษหรือเงินจากรายได้เสริม ไม่ว่าจะก้อนเล็กก้อนน้อยโปะเข้าไปก่อน เพื่อหยุดหรือลดดอกเบี้ยลงให้มากที่สุด ของในบ้านที่เราเปลี่ยนเป็นเงินได้ก็ให้นำไปขายเพื่อนำเงินมาช่วยทำให้หนี้เบาลง โค้ชได้ให้คำแนะนำในการเลือกชำระหนี้หากกรณีที่มีหลายก้อนไว้ว่า ให้เลือกโปะหนี้ทีละก้อน เลือกจ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยเป็นแบบลดต้น ลดดอกก่อน หากอัตราดอกเบี้ยเท่ากัน ก็ให้โปะหนี้ก้อนที่น้อยกว่าก่อนจะได้จบไปเป็นเจ้า ๆ
- รีไฟแนนซ์หนี้ให้เป็นก้อนเดียว โค้ชได้แนะนำว่าปัจจุบันมีหลายธนาคารที่มีข้อเสนอดอกเบี้ยต่ำกว่าในกรณีรวมหนี้มารีไฟแนนซ์ ถือเป็นโอกาสดีในการปลดหนี้ของเรา หลักการสำคัญคือแค่หนี้ใหม่ต้องมีดอกเบี้ยต่ำกว่า และเงินงวดที่ต้องจ่ายต้องน้อยลงเพื่อให้เกิดสภาพคล่องกับตัวเรา แต่อย่าลืมว่าต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มด้วย
- จ่ายหนี้ด้วยเงินเหลือของเรา หากไม่มีเงินก้อนและไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้ ก็ต้องกลับมามองที่ตัวเรา โดยให้ใช้เงินที่เหลือจากการใช้จ่ายในแต่ละเดือนไปเลือกปิดหนี้ทีละตัว โดยให้เลือกจ่ายหนี้ที่มีอัตราส่วนหนี้คงเหลือต่อยอดชำระขั้นต่ำที่ต่ำกว่าก่อน ต้องพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อให้เงินคงเหลือแต่ละเดือนสูงกว่ายอดขั้นต่ำที่ต้องจ่าย เพื่อหนี้จะได้หมดได้เร็วกว่า และต้องอย่าลืมกันเงินไว้จ่ายขั้นต่ำของหนี้ทุกตัวเพื่อไม่ให้กลายเป็นหนี้เสียเสียเครดิตด้วย
- ใช้ยาแรง บางคนบอกว่าแม้ขั้นต่ำก็จ่ายไม่ไหวแล้ว นี่แสดงว่าเราเป็นผู้ป่วยทางการเงินที่อยู่ในขั้นโคม่า ที่โค้ชบอกไว้ว่าต้องใช้ยาแรงในการแก้ปัญหา วิธีแรก คือ ใช้เวลาที่มีอยู่ในการทำงานหารายได้เพิ่มให้มากกว่าเดิม ส่วนหนี้ที่มีอยู่ต้องพูดคุยปรึกษากับสถาบันการเงินเพื่อหาทางประนอมหนี้ หากมีเงินสะสมหรือเงินเกษียณก็ถึงเวลาฉุกเฉินที่ต้องใช้นำมาชำระหนี้ก่อน หนี้ประเภทรถยนต์หรือบ้านตอนนี้เรียกว่าเป็นคราวแล้วอาจต้องพิจารณาขายสินทรัพย์เหล่านี้ออกไปดีกว่าถูกยึด
- ยอมเสียเครดิต สุดท้ายแล้วหากไม่มีช่องทางอะไรที่สามารถทำได้เลย ต้องยอมเสียเครดิตชั่วคราวด้วยการปล่อยให้หนี้เสีย ไม่ใช่หนีหนี้ แต่เป็นการหยุดเพื่อตั้งต้นใหม่ เมื่อหยุดก็สะสมเงินให้มากที่สุดเพื่อให้เป็นก้อนที่พอจะนำไปคืนหรือต่อรองกับทางสถาบันการเงินได้ สุดท้ายเมื่อจ่ายหนี้ได้หมด ระยะเวลาผ่านไปเครดิตของเราก็จะกลับคืนมาเหมือนประสบการณ์ตรงของโค้ชนั่นเอง
โค้ชได้ย้ำถึงเรื่องความรู้ทางการเงินที่มีความสำคัญอย่างมากที่หากตัวเขาเองมีความรู้ทางการเงินก่อนหน้านี้ ก็น่าจะสามารถสร้างความมั่งคั่งได้เร็วขึ้นและไม่ต้องเคยมีประสบการณ์ในการเป็นหนี้ท่วมตัวด้วย โค้ชได้แนะนำว่ามีหลายธุรกิจที่เราสามารถเริ่มทำได้ โดยแทบไม่ต้องลงทุนหรือเริ่มจากเงินจำนวนน้อย มีช่องทางการลงทุนเพื่อให้เงินทำงานได้หลากหลายกว่าการฝากเงินแบบประจำกับทางธนาคาร และวิธีการหารายได้ที่เราไม่ต้องทำงานไปตลอดเป็นรายได้แบบ passive income ที่จะช่วยสร้างอิสรภาพทางการเงินให้เราได้อย่างแท้จริง รวมถึงได้แนะนำถึงความจำเป็นในการปรับนิสัยและพฤติกรรมของเราให้มีชีวิตที่พอเพียง หากทำได้เราก็จะมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าชีวิตแบบเดิม ๆ ได้อย่างแน่นอน
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด free e-book เพื่ออ่านเพิ่มเติมได้ > ที่นี่ <