ลดหย่อนภาษี 2568 สูงสุด 50,000 บาท กับ Easy E-Receipt 2.0 เงื่อนไขอะไรบ้าง?
หลังจากในปีก่อนทางรัฐบาลออกโครงการ Easy E-Receipt เพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้า และบริการในประเทศ นำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ล่าสุดก็กลับมาอีกครั้งในชื่อ Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี 2568 สูงสุด 50,000 บาท เงื่อนไขอะไรบ้าง? เราจะมาสรุปให้ได้ทราบกัน
ลดหย่อนภาษี 2568 Easy E-Receipt 2.0
ครม. มีมติเห็นชอบให้มีมาตรการกระตุ้นการซื้อสินค้า และบริการเพื่อนำมาลดหย่อยภาษีอีกครั้งในชื่อ Easy E-Receipt 2.0 โดยผู้ที่ซื้อสินค้า และบริการตามเงื่อนไข จะสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งจะแบ่งวงเงินออกเป็น 2 ส่วนดังนี้
วงเงิน 30,000 บาท สำหรับซื้อสินค้า และบริการที่กำหนด
-
- สินค้า และบริการในระบบ
- ค่าซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่เป็นเล่ม และ E-book
วงเงิน 20,000 บาท สำหรับร้านวิสหกิจชุมชน SMEs และร้านค้า OTOP ที่อยู่ในระบบ e-Tax
Easy E-Receipt 2568 เริ่มวันไหน?
สำหรับโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ของปี 2568 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568
รายชื่อสินค้าที่ไม่เข้าร่วม Easy E-Receipt 2.0
- สุรา เบียร์ และไวน์
- ยาสูบ
- รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
- ค่าน้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
- ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต และค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาว ซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2568 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ก็ตาม
- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
- ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และค่าที่พัก โรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม
ก็นับเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่น่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงต้นปีได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรฐกิจเพิ่มขึ้นราว 70,000 ล้านบาท