“หาเงินก้อนเข้าธนาคาร เก็บกินดอกเบี้ยสบาย” แนวคิดนี้ หลายคนคงจะเคยได้ยินมาบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มคนเฒ่าคนแก่ ที่นิยมนำเงินไปฝากธนาคาร ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้เป็นจริงในอดีต เราสามารถเก็บเงินก้อนใหญ่เข้าธนาคาร เพื่อรับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงได้ และดอกเบี้ยนี้ก็มากอยู่ มากจนแทบไม่ต้องไปหาเงินจากตรงอื่นมาเลย
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ปรากฏว่าการฝากเงินในธนาคารถูกปรับลดดอกเบี้ยลงเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะบัญชีออมทรัพย์ ที่ผลตอบแทนน้อยจนน่าใจหาย หลายๆ คน เริ่มทิ้งการฝากเงินกับธนาคาร แล้วเอาเงินทุนที่มีอยู่ไปทำการลงทุนที่ได้เงินมากกว่าแทน และดูเหมือนว่า สถานการณ์นี้จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ เกิดเหตุการณ์ปรับลดดอกเบี้ย ที่ถือว่า เป็นครั้งประวัติศาสตร์ของธนาคารไทยเลยทีเดียว นั่นก็คือ ธนาคารทหารไทย ได้ปรับลดดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์เป็น 0.00% จากเดิม 0.125% เมื่อมีการบังคับใช้กฎนี้ ส่งผลให้บัญชีออมทรัพย์ที่แต่เดิมมีเงินปันผลให้ตามเงื่อนไขของธนาคาร กลายเป็นว่าสามารถใช้เก็บเงินได้อย่างเดียว แม้จะเก็บเยอะเท่าไร ก็ไม่เกิดการงอกเงยขึ้น ทำให้เกิดกระแสในทางลบขึ้นบน Social Network มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ในเว็บไซต์ Pantip.com ได้มีกระทู้ที่ตั้งขึ้น
http://pantip.com/topic/35227051
โดยผู้ใช้ชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 155678 เนื้อหาในกระทู้เล่าถึงรายละเอียดการปรับลดดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารทหารไทยให้เป็น 0.00% และมีผู้มาร่วมแสดงความคิดเห็นมากมาย ซึ่งส่วนมากก็จะพูดไปในทิศทางเดียวกันว่า อีกไม่นานต้องมีธนาคารอื่นๆ ทำตามแน่ ยิ่งในยุคนี้เป็นยุคที่อัตราเงินเฟ้อถีบตัวสูงขึ้นด้วย การฝากเงินในธนาคาร จะไม่หยุดดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.00% แต่อาจถึงขั้นติดลบเลยทีเดียว และแสดงความไม่พอใจ โดยบอกว่า ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำลงๆ แต่ดอกเบี้ยเงินกู้กลับสูงขึ้นๆ แล้วอีกหน่อยจะฝากเงินไปเพื่ออะไร โดยภายหลังจากที่เกิดกระแสความไม่พอใจนี้ขึ้น ทางธนาคารทหารไทย ได้ปรับดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์ให้กลับมาอยู่ที่ 0.125% ตามเดิมแล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่า ทางธนาคารจะกลับไปบังคับใช้กฎปรับลดดอกเบี้ยอีกหรือเปล่า อันนี้ก็คงต้องรอดูต่อไป
จากเหตุการณ์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าสถานการณ์การออมเงินโดยการฝากธนาคารในประเทศไทยค่อนข้างน่าเป็นห่วงพอสมควร เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝาก โดยเฉพาะบัญชีออมทรัพย์ ในปัจจุบันก็ไม่ได้มากมายอะไรอยู่แล้ว บางทีเงินปันผลที่ได้ต่อปี แทบไม่สามารถเอาไปทำอะไรได้เลย ยิ่งในยุคนี้ ที่อัตราเงินเฟ้อถีบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ค่าเงินลดลงไปเรื่อยๆ การที่มีการบังคับใช้กฎปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จึงยิ่งทำให้เงินที่มี กับอัตราเงินเฟ้อ มีความไม่สมดุลกัน ไม่ว่าจะฝากเงินไปเท่าไรก็ตาม สุดท้าย เงินฝากนั้นก็จะลดค่าไปเรื่อยๆ หรือที่เรียกว่า ดอกเบี้ยติดลบนั่นเอง ทำให้การฝากเงินที่เกิดขึ้นไม่ได้ช่วยให้เงินงอกได้เลย ซ้ำยังทำให้เงินลดลงไปด้วย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงจะมีคำถามว่า ถ้าเกิดแหล่งเงินอย่างธนาคาร ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้กับบรรดาผู้ลงทุนทั้งหลายได้อีกต่อไป จากนี้จะทำอย่างไรกันดี
คำแนะนำในส่วนของข้อนี้ก็มีเพียงว่า ควรนำเงินไปลงทุนในส่วนอื่นแทน ซึ่งคาดว่า ธนาคารคงเล็งเห็นในข้อนี้ และอยากจะกระตุ้นให้มีการนำเงินไปลงทุนให้เกิดการหมุนเวียน มากกว่าจะนำมาฝากในบัญชีอย่างเดียว จึงทำให้เกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว โดยในปัจจุบัน มีการลงทุนหลายแบบเกิดขึ้น ให้บรรดาผู้ที่มีเงินทุนทั้งหลายได้เลือกกัน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนกับกองทุนรวมในประเทศ การลงทุนกับหุ้น หรือแม้แต่การลงทุนกับอัญมณี เครื่องทอง งานศิลปะต่างๆ สังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ การนำเงินไปลงทุนดังกล่าว จะช่วยให้เงินทุนของเราเกิดการหมุนเวียน และงอกเงยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดีกว่าการนำเงินไปฝากธนาคารเพียงอย่างเดียวอยู่หลายช่วงตัว และไม่ต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกวันๆ อย่างไรก็ตาม การลงทุนทั้งหลายย่อมมีความเสี่ยงมากน้อยต่างกันไป เพราะฉะนั้น ผู้ที่ต้องการจะนำเงินไปลงทุน ควรมีการหาข้อมูลให้ละเอียด ศึกษารูปแบบการลงทุนให้ดี ก่อนจะตัดสินใจลงทุน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
จากเหตุการณ์ที่ธนาคารทหารไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็น 0.00% นี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเงินฝากในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี และให้แง่คิดกับบรรดาผู้ลงทุนทั้งหลายได้ว่า การฝากเงินเพื่อเก็บกินดอกเบี้ยอย่างเดียว ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไป เพราะฉะนั้น นอกจากการฝากเงินแล้ว ผู้ลงทุนทั้งหลาย ควรจะนำเงินไปลงทุนในส่วนอื่นๆ หลายๆ ส่วนด้วย เพื่อให้เงินทุนที่มีอยู่สามารถต่อยอดออกไปได้ และไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อด้วย
อ่านเพิ่มเติม : แนะนำ เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง 2559
หลังจากนี้ เราก็คงต้องมาดูกันต่อไปว่า เมื่อธนาคารทหารไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์เป็น 0.00% แล้ว จะมีธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นๆ ทำตามด้วยหรือไม่ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีธนาคารแห่งอื่นทำตาม ถ้าเกิดว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราก็คงต้องดูต่อไปว่า ในอนาคต ธนาคารพาณิชย์ จะยังเป็นแหล่งลงทุนที่ดีอยู่หรือไม่ หรือจะเป็นได้แค่ตู้นิรภัยสำหรับเก็บเงินและทรัพย์สินเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับการนำเงินใส่ตุ่ม แล้วเอาไปฝังดินเลย