คนเราส่วนใหญ่ มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไม่เกิน 100 ปีเป็นแน่ ในรอบหนึ่งร้อยปีนี้ จะว่าน้อยก็ไม่น้อยนะ เพราะคนที่อยู่มาครบร้อยปีคงผ่านเรื่องราวอะไรตั้งมากมาย จำได้ไม่หมด มีทั้ง สุข เศร้า เงา ทุกข์ ปะปนกันไป มีผู้รู้ท่านหนึ่งแบ่งแต่ละช่วงเวลาของมนุษย์ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ที่อ่านดูแล้วก็เป็นจริงอย่างที่เขาว่าไว้ ผู้รู้ได้แบ่งช่วงเวลาของชีวิตคนเราออกเป็นรอบๆ รอบละ 10 ปี ดังนี้
10 ปีแรกหมดไปกับความไร้เดียงสา คนเราตอนเกิดมาเป็นเด็กทารก ก็เหมือนผ้าขาวที่ยังไม่รู้อะไร พอเข้าโรงเรียนเป็นเด็กอนุบาลก็ยังไร้เดียง ร้องไห้งอแงเอาแต่ใจ โลกทั้งใบมีแต่พ่อและแม่อยู่เคียงข้าง และคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก
10 ต่อมาหมดไปกับการศึกษาเล่าเรียน พออายุได้ 10 ขวบขึ้นไปจนถึง 20 ปี เริ่มที่จะจริงกับกับการศึกษา วัยนี้ถือว่าการศึกษาเป็นส่วนสำคัญที่จะนำพาว่าชีวิตจะไปในทางไหน จะทำอาชีพอะไร ถือได้ว่าวัยนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต
10 ต่อมาหมดไปกับการงานและใช้ชีวิต เมื่อเรียนจบ ก็ต้องออกมาทำงาน และถือว่าเติบใหญ่พอที่จะตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วยตัวเอง ถือเป็นครั้งแรกที่ชีวิตมีสิทธิเลือกและมีอิสรภาพอย่างแท้จริง
10 ต่อมาหมดไปกับการสร้างฐานะและครอบครัว หลังจากใช้ชีวิตอิสระมาได้พักหนึ่งก็ถึงเวลาที่จะต้องมีครอบครัว เป็นช่วงที่เหนื่อยยากพอสมควร เพราะการที่ต้องดูแลเด็กๆ ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งการพร่ำสอนต่างๆ อบรมให้ลูกเป็นคนดี ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เหนื่อยจริงๆ
10 ต่อมาหมดไปกับการลงหลักปักฐานและรักษาสิ่งที่สร้างมา ถึงตอนนี้เรียกได้เป็นช่วงเสวยสุขจากการเงิน การเงินและครอบครัว แต่ใช่ว่าทุกคน จะพบกับความสุข ความสำเร็จในช่วงนี้เสมอไป มีไม่น้อยที่ยังทุกข์ยากและแร้นแค้น แม้จะผ่านชีวิตไปครึ่งคนแล้วก็ตาม
10 ต่อมา รักษาสุขภาพกายใจให้แข็งแรง เมื่อชีวิตล่วงเลยผ่านวัยกลางคนมาแล้ว สังขารร่างกายก็เสื่อมโทรมลงตามธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บก็เกิดถี่บ่อยขึ้น ดังนั้นการดูแลร่างกายในช่วงวัยนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งสุขภาพใจที่ต้องรู้จัปใฝ่หาธรรม ปลดปลงเรื่องราวต่างๆในชีวิต อย่าคิดมากอีกต่อไป เพราะชีวิตเหมือนสายน้ำไม่ไหลกลับ อะไรที่ผ่านมาก็ให้ผ่านไป อย่ายึดติด เก็บเอามาคิด แค้น หรือลำพอง ควรปล่อยวางได้แล้ว
10 สุดท้ายหมดไปกับการปล่อยวางทุกสิ่งและรอคอยการกลับบ้าน เมื่อชีวิตล่วงเลยมาถึงช่วงนี้ ก็ไม่ควรมีอะไรให้ค้างคาใจ หากไม่สมหวัง ให้ถือซะว่าคนเราเกิดมา ชะตาฟ้าเขาลิขิตเอาไว้แล้ว หากสมหวังในทุกสิ่ง ก็ต้องยิ่งปล่อยวาง ว่าช่วงชีวิตนี้เกิดมาโชคดีเกินกว่าใครเขามากแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องปล่อยไป เพราะไม่มีใครได้อะไรไปตลอดกาล สุขภาพดี และทรัพย์สินเงินทอง เอาติดตัวไปภพหน้าไม่ได้ เกืดมาแต่ตัว ตายไปก็ไปแต่ตัว เตรียมตัวปลงใจ ว่ามีอะไรยั่งยืน เกิด แก่ เจ็บตายเป็นเรื่องธรรม และเตีรยมตัวเตียมใจ ที่จะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ
10 ช่วงปีต่างๆที่กล่าวมานี้ เป็นความจริงของชีวิต ที่ทุกคนล้วนมีวงจรทางการร่างกายที่เหมือนๆกัน หลายคนเลือกเกิดไม่ได้ อาจต้องพบกับความยากลำบากไปตลอดชีวิต ก็ไม่เป็นไร การถูกลิขิตให้ลำบากกาย ไม่ได้แปลว่าเราเลือกที่จะมีความสุขใจไม่ได้ ไม่ว่าอยู่ในเพศ หรือฐานะใด ทุกคนมีอิสระที่จะเลือกคิด มองชีวิตออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ อย่าลืมว่า เราอาจเลือดเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เรามี และกับสิ่งที่เราเป็นได้ ขึ้นอยู่กับทัศนคติและมุมมอง ดังนั้น คิดบวกเข้าไว้ คนเราเกิดมาบนโลกใบนี้ มี 10 ปีไม่กี่ครั้ง จะมัวมานั่งทุกข์โศกไปทำไม ไป ออกไปใช้ชีวิตให้มีความสุขกันเถอะ