คำกล่าวที่ว่าชีวิตคนเราจะมีค่าได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการทำงาน เพราะงานทุกอย่างบนโลกใบนี้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโลกด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่างานนั้นจะเป็นอย่างไร จะยิ่งใหญ่ระดับโนเบลหรืองานธรรมดาสามัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่างก็เป็นฟันเฟืองช่วยหมุนโลกให้ขับเคลื่อนไปในอนาคตเช่นกัน งานที่ดีหรือไม่ดี อยู่ที่ตัวเราตัดสิน บางคนถ้าเลือกได้อาจอยากเป็นหมอ เพราะมีคนนับหน้าและได้ช่วยเหลือผู้คน แต่หมอหลายคน ถ้าเลือกได้ก็อยากเป็นเถ้าแก่ร้านอาหาร เพราะสามารถควบคุมเวลางานได้ด้วยตัวเอง จะด้วยเหตุผลใดนั้น ก็ย่อมขึ้นอยู่กับตัวคนแต่ละบุคคลนั่นเอง เมื่อคิดสะระตะได้ดังนี้แล้ว ก็จงพิจารณาการทำงานปัจจุบันของตัวเองให้ดี วิเคราะห์ให้รอบด้านว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น สามารถสร้างหลักประกันให้กับตนเองและครอบครัวได้หรือไม่ รวมถึงตอบโจทย์ให้กับจิตใจและความฝันของตัวเองได้มากแค่ไหน
คนบางคนมีงานที่ดีที่รัก แต่อาจยังไม่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตได้ จึงอาจเลือกที่จะหารายได้เสริมให้กับตัวเอง คนบางคนมีงานประจำ แต่สามารถจัดสรรเวลาได้ดี ทำให้มีเวลาว่าง จึงคิดอยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นอกจากหาคอร์สเรียนเสริมความรู้ อ่านหนังสือ ก็อาจอยากที่จะหารายได้เสริมด้วย ในขณะที่คนบางคนมีหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคงอยู่แล้ว แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนเติมเต็มให้กับความฝันของตัวเองเลย จึงพยายามหาอาชีพเสริมที่ทำให้ตัวเองเขยิบเข้ามาใกล้ความฝันอีกเพียงเล็กน้อยก็พอใจแล้ว
ในเมื่อการหารายได้เสริมจากการทำงานนั้น สามารถเป็นงานอะไรก็ได้ ที่ช่วยตอบโจทย์ 1 ใน 3 ข้อนี้แล้ว เราก็ลองคิดไตร่ตรองค้นหาสิ่งที่เหมาะสิ่งที่ใช่ให้กับตัวเราเองเสียแต่เนิ่น ๆ กฎเหล็กสำหรับการทำอาชีพเสริมก็คือ หนึ่ง ให้เริ่มทำเลย อย่ารอและอย่ากลัว สอง คือ ต้องตั้งใจทำจริง ไม่ใช่ทำเล่น ๆ และต้องทำให้เห็นผล หากกฏสองของนี้ข้อใดข้อหนึ่งถูกละเลย เราก็จะไม่มีวันทำสำเร็จเลย เรียกง่าย ๆ ว่าทำรอดวงชะตาพาไป ดวงดีก็ดีไป แต่ถ้าดวงไม่ดีล่ะ เราจะปล่อยให้ดวงกุมชะตาชีวิตเราอย่างนั้นล่ะหรือ
กฎข้อแรกที่ให้เริ่มทำเลย อย่ารอและอย่ากลัว
หลายคนกลัวจะล้มเหลว คนพวกนี้ชอบใช้คำว่าไม่มีประสบการณ์เป็นข้ออ้างเดิม ๆ จนไม่สามารถเริ่มทำอะไรได้ กลัวปัญหาและมองเห็นปัญหาเยอะแยะมากมายตั้งแต่ยังไม่เริ่ม การพูดถึงและมองเห็นปัญหาที่จะเกิดในอนาคตย่อมเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าจะเอาปัญหาที่เห็นแต่ยังไม่เกิด มาใช้ในการตัดสินใจพิจารณาการเริ่มทำในปัจจุบัน อย่างนี้ไม่ถูกต้อง วิธีแก้นั้นฟังเหมือนง่าย นั่นคือ ให้ปรับทัศนคติ (Attitude) ให้มองว่าปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ถมสร้างกำแพงให้สูงขึ้นจนเหมือนไม่สามารถจะข้ามไปได้ การแก้ปัญหาข้อนี้ยังต้องมีทัศนคติ อีกอย่างคือ ให้มองที่โอกาส อย่ามองที่ปัญหา เพราะหากมองที่ปัญหาสูงท่วมจะละเลยที่จะมองโอกาสของการเริ่มต้นนั้น ๆ ไปจนหมด อย่าลืมว่าไม่มีใครเกิดมาแล้วเดินเลย ประสบการณ์ก็เช่นกัน ถ้าเราเริ่ม เราก็จะเป็น เมื่อเราเป็น เราจะเข้าใจ องค์ความรู้นั้นจะอยู่กับเราตลอดไปเหมือนภูมิคุ้มกันต่ออุปสรรคที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง
กฎข้อสอง คือ ต้องตั้งใจทำจริงจัง ไม่เหลาะแหละ
หรือเล่น ๆ นั่นคือ ถ้าจะเริ่มต้นทำอะไรต้องทุ่มเทเพื่อให้สัมฤทธิ์ผล เพียงแต่การทุ่มเทที่ฉลาดคือ การศึกษาหาข้อมูลและใส่ใจเรียนรู้สิ่งที่ทำเสมอ บางคนหน้าบางอายสังคมรอบตัวที่จะหารายได้เสริม เวลาใครถามว่าทำอะไร ก็มักตอบไปว่าลองทำนั่นทำนี่ไปเล่น ๆ เหตุเพียงเพราะเกรงว่าหากธุรกิจหรือสิ่งที่ทำไม่สำเร็จ จะได้ไม่รู้สึกหน้าแตกมาก อันที่จริงแล้วก็พอเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะบางทีคนเราเองก็ต้องมีหมวกหลายใบ มีหน้าหลายหน้า หน้าหนึ่งอาจส่งผลเสียกับอีกหน้าหนึ่งได้ แต่หากลองพิจารณาตามตรรกะแล้ว เช่นว่าถ้าเพื่อนที่ทำงานถามว่าเราทำอะไร เราอาจเลือกที่จะตอบว่า “เราทำขนมจีนน้ำเงี๊ยวสูตรดั้งเดิม ขายทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ขายให้คนในละแวกบ้าน ถ้าสั่งเยอะก็ส่งได้ ถ้าอยากกินก็เชิญเลย เดี๋ยววันจันทร์เอามาให้กิน กินแล้วก็ฝากโปรโมทด้วยนะ เผอิญว่าแฟนทำน้ำเงี๊ยวอร่อย เราเองก็มั่นใจว่าอร่อย คิดว่าน่าจะขายได้ดี…” เมื่อการสนธนาเริ่มก็เหมือนกับการโฆษณานั่นเอง แบบนี้น่าจะดีกว่า
อันที่จริงแล้วการ ทำงานเสริมหารายได้พิเศษ มีได้หลายอย่าง งานส่วนใหญ่เป็นงานสายอาชีพที่ต้องอาศัยฝีมือ เช่น งานประดิษฐ์ หรือแม้แต่การทำอาหารขายก็ต้องใช้ฝีมือ งานบางอย่างต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวเช่นงานเขียน คนรักการอ่านมักเขียนได้ดี หากมีทักษะการเขียนได้ดี เราอาจเขียนบล๊อค เขียนบทความหาเป็นรายได้เสริมได้ หรือหากมีความสามารถด้านดนตรี เราอาจเลือกเล่นดนตรีในร้านอาหาร หรืออาจเป็นครูสอนดนตรีตอนว่างก็เป็นได้
เห็นได้ว่าไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราก็สามารถมีอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่มเติมให้กับครอบครัวได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หลาย ๆงานสามารถเริ่มทำได้เลย การได้เริ่มทำ จะทำให้เรารู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้สิ่งของหรือบริการนั้นขายได้ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขาย การโฆษณา ราคาและโปรโมชั่น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เมื่อเราเริ่มและตั้งใจทำอย่างจริงจังแล้ว จะถูกบังคับให้ต้องรู้เอง ประสบการณ์ที่ได้ก็จะก้าวกระโดด และเป็นภูมิคุ้มกันอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการทำอาชีพเสริมของเรานั่นเอง