ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเงิน ในกรณีของคนที่ไม่มีเงินเก็บไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนคิดได้แบบนี้อีก เพราะบางคนคิดว่ามีเงินมากแค่ไหนตายไปก็ไม่รู้ว่าจะได้ใช้เงินที่หามาได้หรือเปล่า ทำให้ตอนยังมีชีวิตอยู่หาเงินได้มาก็ต้องใช้ซะ แม้จะเป็นเรื่องจริงแต่ก็จริงแค่ครึ่งเดียวคือ ตายไปอาจไม่ได้เอาเงินไปก็จริง แต่อย่าลืมว่าหากมีเงินเก็บแล้วตายไป คนที่อยู่ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นลูก เมีย หลาน พ่อ แม่ ฯ ก็ยังสามารถนำเงินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ อย่างน้อยก็จัดงานศพได้โดยไม่เดือดร้อนใคร เห็นหรือยังว่าการมีเงินเก็บแม้ตายไปแล้วก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ การออมเงินตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้มันค่อยๆ งอกเงยออกมา ถึงแม้จะออมได้ไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่ออม
อ่านเพิ่มเติม : ตายแล้ว(หนี้)ไปไหน ?
ข้อดี-ข้อเสียของการเป็นหนี้
ปัญหาเรื่องการเงินของคนส่วนใหญ่คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการเป็นหนี้ แต่จะว่าไปการเป็นหนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะหากคุณจะต้องเป็นหนี้ด้วยการไปกู้ธนาคาร เพื่อนำเงินมาต่อยอด หรือลงทุนก็จะทำให้ได้ประโยชน์ได้มากมายและยังช่วยให้คุณสร้างธุรกิจได้เร็วขึ้น สามารถขยายธุรกิจได้ อย่าไปคาดหวังกับการรอผลกำไรเพื่อเอามาต่อทุนครั้งต่อไป เพราะอาจ จะใช้เวลานานกว่าการกู้หลายเท่าตัว นอกจากนี้ยังมีหนี้ที่จะช่วยให้คุณเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่มาพร้อมหนี้สินไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถ ส่วนข้อเสียของการเป็นหนี้คือ ส่วนหนึ่งที่หลายคนจะต้องมีรายจ่ายหลักก็คือดอกเบี้ยจากการกู้ยืม หรือจากการใช้บัตรเครดิต ซึ่งจะคอยดึงให้เงินคุณลดลงเรื่อยทุกวันๆ ยิ่งเงินด่วนเท่าไหร่หรือไม่มีหลักประกัน ก็จะยิ่งเจอดอกเบี้ย มหาโหด เป็นหนี้แต่ละทีก็อย่าลืมดูถึงความจำเป็นจริงๆ ด้วย มีหลายๆ คนที่เป็นหนี้ แล้วไม่สามารถออกจากวังวนอันนี้มาได้แถมยังส่งผลทำให้เป็นหนี้พอกพูดมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
ไม่มีเงินเก็บ(เป็นหนี้)เพราะไม่ยอมออมเงิน
เหตุผลหลักๆ ที่คนเราควรมีแผนการออมเงินก็เพราะว่าส่วนหนึ่งเราจะได้หลีกเลี่ยงโอกาสการเป็นหนี้ให้น้อยที่สุด อย่าลืมว่าที่เราอยู่กันทุกวันนี้ จะต้องมีการวางแผนการเงินและสิ่งที่จะทำได้ก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้มีเงินใช้ตลอดทุกช่วงเวลาของชีวิต เพราะหากถึงเวลาที่คุณจำเป็นต้องใช้เงินขึ้นมาจริงๆ แล้วไม่มี แน่นอนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือการกู้หนี้ยืมสินนั่นเอง ซึ่งคนเราไม่สามารถทำงานได้ตลอดชีวิต เพราะหากจะต้องแก่ตัวลงก็มีโอกาสที่จะทำงานได้ต่ำลง หากลองคำนวณของการทำงานดูจะเห็นได้ว่า คุณจะต้องทำงานประมาณ 30 ปี (คือทำงานตั้งแต่อายุ 25 – 55 ปี) และเพื่อเลี้ยงตัวเองอีก 60 ปี (ก็คือทำงานเพื่อเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุ 25 ยาวไปถึงตอนเสียชีวิตประมาณอายุ 85 ปี) หากไม่มีเงินเก็บ แล้วในชีวิตเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเจ็บป่วย ตกงาน ทำให้ไม่มีเงินใช้ สุดท้ายก็จะเข้าวังวนของการเป็นหนี้เพราะต้องไปกู้มา
ช้อปกระจายสร้างหนี้
แม้หลายคนจะบอกว่าเครียดมากมายจากการทำงาน ทำให้มักจะคลายเครียดด้วยการช้อปปิ้ง ซื้อของด้วยอารมณ์ ซื้อของเพราะอยากซื้อ ซื้อของมาเก็บเพราะเห็นว่าสวยของส่วนใหญ่มักจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องใช้ไฟฟ้า ของอำนวยความสะดวกในบ้าน โทรศัพท์ ฯลฯ แต่ส่วนมากคนที่ช้อปกระจายแบบนี้มักจะไม่เคยใช้หรือไม่อยากได้จริงๆ หรือซื้อเพราะคนอื่นเค้าก็มี กลัวว่าตัวเองจะตกเทรนด์แถมตอนจ่ายก็ไม่ได้จ่ายเงินสด เพราะใช้บัตรเครดิตรูด พอเห็นบิลเท่านั้นล่ะก็มานั่งเครียดกว่าเดิมว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ถ้าคืนไม่ตรงกำหนด ดอกเบี้ยก็แพงมหาศาล ยิ่งทำให้เป็นหนี้หนักเข้าไปอีก จึงเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมคนถึงเป็นหนี้ได้ง่ายกว่าการมีเงินเก็บ หากไม่อยากเป็นหนี้ก่อนซื้อสินค้าทุกครั้งอย่าลืมดูด้วยว่าคุณมีความจำเป็นต้องใช้จริงหรือเปล่า? พยายามใช้เงินสดมากกว่าการใช้บัตรเครดิต หรือหากใช้บัตรรูดไปแล้วก็พยายามจ่ายให้เต็มวงเงินและตรงตามงวดกำหนดแค่นี้ก็จะช่วยให้ปลอดหนี้แล้ว
การหาทางออกเพื่อลดหนี้แบบผิดๆ
การที่คุณเป็นหนี้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ธนาคาร หนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบ แถมหนี้ยังพอกขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บางคนพยายามหาทางออกไปเรื่อยๆ บางคนก็เป็นหนี้ซ้ำซ้อน ไปกู้เงินมาเพื่อโปะหนี้เก่าก็มี บางคนก็หันมาลงทุน เพราะเชื่อว่าการลงทุนจะช่วยให้มีความมั่งคั่งมากขึ้นคิดว่าเป็นการหาผลตอบแทนมาเคลียร์หนี้ หากคุณไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนในการเสี่ยงต่างๆ ไม่แนะนำให้เอาเงินที่หามาได้ไปลงทุนเพื่อนำเงินมาเคลียร์หนี้เพราะอย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ซึ่งผลตอบแทนอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ มีโอกาสที่จะได้มากอาจจะมีน้อยกว่าที่คิดไว้ หรือหากลงทุนผิดพลาดมากๆ ก็อาจจะทำให้ขาดทุนได้ แถมบางครั้งอาจจะเป็นหนี้มากกว่าเดิมอีก
การที่คุณนำเงินมาลงทุนบางทีก็เป็นทางเลือกที่อาจจะไม่เหมาะสมซะเท่าไหร่ เพราะหากเอาแต่เล็งว่าจะลงทุนแล้วหาผลตอบแทนให้มาก โอกาสที่คุณจะเข้าไปติดกับดักพวกการลงทุนแปลกๆ อย่างแชร์ลูกโซ่ก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ไปซ้ำแผลที่คุณมีให้เจ็บมากขึ้นไปอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีทางหมดหนี้ซะที..ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อแบบผิดๆ ที่คิดว่าจะปลดหนี้ได้นั่นเอง.. พยายามตั้งสติให้ดีแล้วค่อยๆ หาทางแก้ไขและไม่เป็นหนี้เพิ่มกันดีกว่า