หากใครเคยได้อ่าน หนังสือพิมพ์ มติชนสุดสัปดาห์ คอลัมน์ฟาสฟู้ดธุรกิจ อาจจะคุ้นๆ หูกับฉายา หนุ่มเมืองจันท์ คอลัมน์นิสต์ชื่อดัง ซึ่ง”สรกล อดุลยานนท์” หรือที่รู้จักกันดีในนามปากกาของ “หนุ่มเมืองจันท์’ ซึ่งในฐานะมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ที่ทำงานในวงการมานาน ทำให้มีเงินเข้าออก ที่เป็นรายได้จากงานประจำ และงานฟรีแลนซ์ ซึ่งเกี่ยวกับการใช้เงิน หรือการออมเงินเพื่อให้เป็นเงินเก็บนั้น หนุ่มเมืองจันท์ ได้บอกเกี่ยวกับแนวคิด คติการดำเนินชีวิต ในเรื่องของการบริหารเงินของเขาว่าเป็นคนที่ค่อนข้างง่ายๆ โดยจะใช้เงินแบบพอประมาณ
ไม่ฟุ่มเฟือยก็มีเงินเก็บ
เพราะเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีงานทำประจำ เงินเดือนประจำเหมือนพนักงานทั่วๆไป เพียงแต่รูปแบบงานอาจจะแตกต่างจากคนอื่น เพราะจะต้องมีการเดินทางตลอด ซึ่งแม้เวลาออกไปทำงานข้างนอก เพราะทำคอลัมน์เกี่ยวกับอาหารจะมีเบี้ยเลี้ยงให้อยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ต้องมีควักเงินเองซื้อนั่น นี่โน่น เหมือนกัน ซึ่งการใช้เงินก็ต้องรู้จักประหยัด และใช้ให้เพียงพอ ซึ่งการใช้จ่ายแต่ละเดือนจะต้องมีเงินเก็บออมไปด้วย
การทำงานครั้งแรกมองไม่เห็นหนทางการออม
เริ่มทำงานครั้งแรก เขาก็เหมือนคนทั่วไป แค่ใช้ให้พอแต่ละเดือนก็เหนื่อยสุดโต่งแล้ว เพราะมนุษย์เงินเดือนก็เหมือนกับกาทำงานแลกกับเงินเดือน และใช้ให้พอในแต่ละเดือน ซึ่งเงินเดือนสมัยก่อนไม่ได้เยอะเหมือนสมัยนี้ ลำพังแค่การหาเงินใช้ก็แทบจะไม่ค่อยพอแล้ว หากมาคิดเรื่องการออม คงจะยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยใหญ่ และยังนึกไม่ออกว่าจะมีบ้านของตัวเองได้ยังไงด้วยซ้ำ ซึ่งเขาบอกว่าตอนนั้นแทบจะมองไม่เห็นทางด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไรให้มีเงินเก็บ เงินออม
หนทางของการออม
พอทำงานสักพักหนึ่ง ทำให้เขามองเห็นลู่ทางของการเก็บเงิน ทำให้เริ่มรู้สึกว่าอยากจะมีการเก็บออมมากขึ้น เขารู้ว่าเงินเก็บเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต และทำให้เริ่มคิดถึงการมีครอบครัว เรื่องมีบ้าน เรื่องมีลูก บ้านที่ผ่อนอยู่จากเดิม เขาจะใช้วิธีที่คิดว่าผ่อนด้วยดอกเบี้ยต่ำสุด ไม่จำเป็นต้องชำระให้เยอะ แต่ภรรยาของเขาบอกว่าอยากผ่อนให้หมดให้เร็วที่สุดจะได้ไม่เป็นหนี้ เพื่อให้ชีวิตเป็นอิสระ ซึ่งเขาบอกว่าวิธีคิดของภรรยานั้นถูกต้อง เพราะเมื่อเขาจัดการผ่อนบ้านหมด ทำให้เบาตัวได้อีกมาก เพราะไม่ต้องมาทอยจ่ายหนี้ค่าบ้านอีก ทำให้หมดภาระในการจ่ายไปอีกอย่างหนึ่ง
ชีวิตไม่มีหนี้ถือว่ามีความสุขแล้ว
พออายุ 30 กว่า เขาบอกว่าแทบจะไม่ต้องผ่อนอะไรแล้ว และเขาเองก็แทบจะเป็นคนที่ใช้บัตรเครดิตน้อยมาก แม้จะรู้ว่าการใช้บัตรเครดิตเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งสามารถใช้ก่อนจ่ายทีหลัง และไม่ต้องมีดอกเบี้ยด้วย แต่ในความคิดของเขาคือ มนุษย์เราเวลารูดบัตร ไม่ค่อยคิดหรอกว่าจ่ายไปเท่าไหร่ เพราะหากจ่ายเงินสด เวลาเงินออกจากกระเป๋า จะทำให้รู้คุณค่าของเงินมากกว่า เพราะว่าได้เห็นว่าเงินหายไปเท่าไหร่ หรือใช้ไปเท่าไหร่ ซึ่งต่างจากบัตรเครดิตที่รูดปรื๊ด แบบไม่ทันรู้ด้วยว่า ใช้จ่ายไปเท่าไหร่แล้ว
ฝ่าวิกฤตต้มยำกุ้ง
สำหรับหนุ่มเมืองจันท์บอกว่า การมีเงินสดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ซึ่งหากใครผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 จะรู้ว่า ถึงเวลาจุดๆ หนึ่งเครดิตแทบจะไม่มีความหมายเลย ทำให้เขาเริ่มคิดที่จะเก็บเงินสดฝากธนาคารค่อนข้างเยอะ ส่วนที่เหลือคือกระจายความเสี่ยงออกไป เพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นกับการเก็บเงินออม ซึ่งทำให้เขาได้ดำเนินชีวิตอย่างไม่เสี่ยงมาโดยตลอด แม้ตอนทำสำนักพิมพ์ก็ใช้วิธีคิดเช่นนี้ เพราะการเสี่ยงโดยที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า อาจจะทำให้เจ็บได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งตอนที่ทำงานพิมพ์ ก็พิมพ์ออกมาเพียง 10 เล่ม ซึ่งหากจะเกิดความเสี่ยง ก็คงจะเสี่ยงแค่ประมาณ 2 – 3 เล่ม ถ้าแจ๊กพ็อตออกก็ถือว่าดีไป แต่จะมี 6-7 เล่มที่แน่นอนว่าพิมพ์ออกมาไม่ขาดทุนแน่นอน
ลงทุนหุ้น กับการออมระยะยาว
การลงทุนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาคิดว่า น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเก็บเงินออม ซึ่งเขาลงทุนหุ้นประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ของเงินเย็นที่มีอยู่ แม้ระยะสั้นราคาหุ้นจะมีความผันผวน แต่ตราบใดที่เขาบอกว่ายังไม่มีการขายก็ไม่ ขาดทุน ทิ้งไว้ระยะยาวจะทำให้ได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ซึ่งหลังจากมีครอบครัวแล้ว ทำให้เป็นช่วงวัยที่เริ่มนึกถึงเรื่องการออม เพื่อวัยเกษียณ ซึ่งเขาบอกว่าบางทีว่าง ๆก็มานั่งคำนวณว่าวัยเกษียนของตัวเองนั้น จะต้องมีเงินเก็บสักเท่าไหร่ และเงินเก็บที่ได้จะมีเท่าไหร่ ดอกเบี้ยเท่าไหร่ และจะสามารถใช้ต่อเดือนได้เท่าไหร่ และเมื่อถึงวันเกษียณจะมีเงินออมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกเท่าไหร่
ซึ่งในเรื่องของการลงทุนกองทุนรวม ที่เขาสนใจก็เพราะมีมืออาชีพมาช่วยดูแลให้ และคาดว่าสักปีสองปี เขาจะโฟกัสเรื่องกองทุนรวม ซึ่งเขาเองก็พอมีความรู้อยู่บ้าง
ซึ่งเป็นหลักที่ทำทุกอย่างแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่เร่งรีบ และทำตามกำลังทรัพย์ที่มี และไม่ยึดกับความเสี่ยง เพราะไม่อยากพลาดและเจ็บตัว เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ทำให้คิดทุกครั้งเวลาที่ใช้เงินไปลงทุนหรือทำให้เกิดผลกำไรขึ้นมา ซึ่งการใช้ เงินแบบระมัดระวัง จะทำให้ไม่เป็นหนี้และอยู่ได้อย่างมีความสุขมากกว่าที่จะไปดิ้นรนในสิ่งที่จะต้องเสียเงินจ่ายมากๆ ได้ของแต่ต้องเป็นหนี้ระยะยาว ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน..เพราะไม่เช่นนั้นก็จะทำให้ไม่มีเงินเก็บเสียที